ตลาดคริปโตคึกคัก! สภาสหรัฐฯ กลับมาดำเนินงาน เร่งเครื่องกฎหมายดิจิทัล

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อเปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลอีกครั้งเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา หลังจากปิดทำการไปนานถึง 42 วัน ถือเป็นสัญญาณบวกครั้งสำคัญที่อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดคริปโต เนื่องจากสภาคองเกรสและหน่วยงานกำกับดูแลพร้อมกลับมาเดินหน้าพิจารณากฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ค้างคาอยู่ทันที ขณะเดียวกัน บรรยากาศเชิงบวกนี้ยังสอดคล้องกับการวิเคราะห์ล่าสุดที่ชี้ว่า Bitcoin มีลุ้นแตะ $120,000 จากสัญญาณสภาพคล่องที่คล้ายกับปี 2020
สภาคองเกรสกลับมาทำงาน: ตลาดคริปโตจับตากฎหมายใหม่
หลังจากภาวะชะงักงันที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์ถึง 42 วัน ในที่สุดสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ก็ได้ลงมติด้วยคะแนน 222 ต่อ 209 เสียง (ประกอบด้วยเสียงจากพรรครีพับลิกัน 216 เสียง และพรรคเดโมแครต 6 เสียง) เพื่อผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะมีผลไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2026 ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในเวลาต่อมา
การกลับมาทำงานของรัฐบาลครั้งนี้ได้ปลดล็อกความล่าช้าในการพัฒนานโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดคริปโตในสหรัฐอเมริกาให้เร็วยิ่งขึ้น
สัญญาณที่ชัดเจนที่สุดคือการที่สภาคองเกรสไม่รอช้าที่จะกลับมาสานต่องานด้านคริปโต โดยคณะกรรมาธิการการเกษตรของวุฒิสภา (Senate Agriculture Committee) ได้เผยแพร่ร่างกฎหมายโครงสร้างตลาดฉบับแรก ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกำหนดบทบาทของคณะกรรมการกำกับดูแลการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) ในการกำกับดูแลตลาดสปอตคริปโต
นอกจากนี้ยังมีการกำหนดวันพิจารณาเพื่อรับรองตำแหน่งของ Mike Selig ผู้ที่ทรัมป์เสนอชื่อให้เป็นประธาน CFTC คนใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวในตลาดก็เริ่มคึกคักมากยิ่งขึ้น โดยมีรายงานว่า วาฬ Ethereum ได้เข้าช้อนซื้อในช่วงที่ตลาดย่อตัว ซึ่งเป็นสัญญาณที่นักลงทุนจับตาควบคู่ไปกับความชัดเจนด้านกฎระเบียบ
SEC-CFTC คัมแบ็ก: อนาคตตลาดคริปโตและ ETF จะเป็นอย่างไร?
การเปิดทำการของรัฐบาลยังหมายถึงการกลับมาทำงานของหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญอย่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) และ CFTC ซึ่งเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ถูกพักงานในช่วง Shutdown
การกลับมาครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตลาดคริปโต เพราะจะช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ที่หลายบริษัทรอคอย โดยเฉพาะการอนุมัติกองทุน ETF ที่เคยต้องใช้วิธีการทางอ้อมเพื่อเปิดตัวในช่วงที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ การกลับมาทำงานของหน่วยงานกำกับดูแลจึงเป็นหนึ่งใน ปัจจัยสำคัญที่อาจหนุนให้ XRP เข้าสู่เทรนด์ขาขึ้นรอบใหม่ ตามที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์
นอกเหนือจาก SEC และ CFTC แล้ว หน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ เช่น กรมสรรพากร (IRS) และสำนักงานกำกับดูแลการเงิน (OCC) ก็สามารถกลับมาดำเนินงานที่ค้างอยู่ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น การกลับมาวิเคราะห์ความคิดเห็นของสาธารณชนต่อข้อเสนอการออกกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย GENIUS Act
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด และเป็นสิ่งที่นักลงทุนในตลาดคริปโตต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ด้วยปัจจัยบวกเหล่านี้ นักลงทุนหลายคนจึงเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ และศึกษาว่ามี เหรียญคริปโตใดบ้างที่น่าลงทุนในปี 2025 เพื่อเตรียมพร้อมรับตลาดขาขึ้นที่อาจเกิดขึ้น