Bitcoin ETF เงินไหลออก $902.5M – แรงเทขายส่งท้ายไตรมาส!

ตลาดกองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ พลิกกลับมาเป็นสีแดงเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งเดือน หลังจากเผชิญแรงเทขายอย่างหนักในช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 โดยมีเงินไหลออกสุทธิสูงถึง 902.5 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยุติสถิติเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่องยาวนาน 4 สัปดาห์
การเทขายครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อกองทุนยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock และ Fidelity อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงมองว่านี่เป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้น และแนวโน้มระยะยาวของ BTC ยังคงแข็งแกร่ง
เจาะลึกสาเหตุ Bitcoin ETF เงินไหลออกกว่า $900M
ข้อมูลจาก SoSoValue แสดงให้เห็นว่ากองทุน Spot Bitcoin ETF มีเงินไหลออกสุทธิรวม 902.50 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 30 วัน โดยแรงเทขายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 26 กันยายน ซึ่งมีเงินไหลออกสูงถึง 418.25 ล้านดอลลาร์

กองทุนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ FBTC ของ Fidelity ซึ่งมีเงินไหลออกในวันศุกร์วันเดียวถึง 300.41 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย IBIT ของ BlackRock ที่มีเงินไหลออก 37.25 ล้านดอลลาร์
Shawn Young หัวหน้านักวิเคราะห์จาก MEXC Research ให้ความเห็นว่าปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจาก “การทำกำไร” และการปรับสมดุลพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุนเมื่อใกล้สิ้นสุดไตรมาส
แม้จะมีการเทขายเกิดขึ้น แต่ Young เชื่อว่าตลาดยังมีโอกาสไปต่อได้อีกไกล โดยชี้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้กำลังถูกซื้อขายอย่างแข็งขันในฐานะส่วนหนึ่งของการจัดการพอร์ตโฟลิโอหลัก และ “ทิศทางระยะยาวของการยอมรับจากสถาบันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
นักวิเคราะห์มองทิศทางราคา BTC อย่างไร หลังการปรับฐานครั้งนี้?
หลังจากที่ราคา BTC พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ (All-Time High) ที่ระดับกว่า 124,000 ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ตลาดก็ดูเหมือนจะพยายามหาแรงส่งเพื่อกลับไปสู่จุดนั้นอีกครั้ง แม้จะเผชิญแรงเทขาย แต่ผลตอบแทนของ BTC ในเดือนกันยายนยังคงเป็นบวกอยู่ที่ประมาณ 3.07% หลังจากแตะจุดต่ำสุดที่ 108,600 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมาซื้อขายที่ประมาณ 111,800 ดอลลาร์
Shawn Young กล่าวว่าการที่ตลาดยังสามารถดูดซับแรงกดดันจากการขายได้โดยไม่ร่วงลงไปมากกว่านี้ แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของตลาด โดยเขาชี้ว่าสถานะปัจจุบันของ BTC เป็นการพักฐาน (consolidation) ไม่ใช่ภาวะอ่อนแอ
“โดยพื้นฐานแล้ว ตลาดกำลังรอสัญญาณชี้นำทางเศรษฐกิจมหภาคที่ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นโยบายของรัฐบาล หรือแนวโน้มสภาพคล่อง ก่อนที่จะตัดสินใจเคลื่อนไหวครั้งต่อไป”
ทั้งนี้ หากมองไปข้างหน้า บรรยากาศยังคงเป็นไปในทางบวก เนื่องจากโดยปกติแล้วไตรมาสที่ 4 มักจะเป็นช่วงที่แข็งแกร่งสำหรับ BTC โดยให้ผลตอบแทนมากกว่า 50% ในช่วงตลาดกระทิงที่ผ่านมา Young คาดการณ์ว่าจะเกิด “ความผันผวนที่สูงขึ้น” และมีโอกาสเกิด “การเคลื่อนไหวที่กำหนดเทรนด์” ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุน
Bitcoin Hyper เหรียญ Layer-2 ที่พร้อมโตไปกับ BTC รับไตรมาสสุดท้าย
Bitcoin Hyper ($HYPER) พัฒนาขึ้นเป็น Layer-2 บน Solana Virtual Machine (SVM) เพื่อยกระดับ BTC จากสินทรัพย์เก็บมูลค่าสู่เครือข่ายความเร็วสูง รองรับการใช้งาน DeFi, dApps และ Meme Culture ได้จริง โครงการระดมทุนได้กว่า $29.62M แล้ว

โปรเจกต์ HYPER แก้ปัญหาเดิมของเครือข่าย BTC ที่ช้า ค่าธรรมเนียมสูง และไม่รองรับการเขียนโปรแกรม ด้วยการประมวลผลธุรกรรมหลายหมื่นรายการต่อวินาที แต่มีค่าธรรมเนียมเฉลี่ยต่ำกว่า 0.001 ดอลลาร์เท่านั้น พร้อมรักษาความปลอดภัยผ่าน ZKP หรือ Zero-Knowledge Proof
ผู้ใช้สามารถสร้าง Meme Coin, ใช้ BTC เป็นหลักประกันใน DeFi, ทำธุรกรรมขนาดเล็ก และนำชุมชน Solana สู่ Bitcoin Layer-2 ได้ทันที นอกจากนี้ ระบบ Cross-Chain Bridge ยังเชื่อมโยง BTC, ETH และ SOL เข้าด้วยกัน ทำให้การเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ปลอดภัยและใช้งานได้หลากหลาย
ความสำเร็จในการระดมทุนและโครงสร้าง Presale ที่โปร่งใส ทำให้โครงการนี้เป็นที่น่าจับตา โดยเหรียญ $HYPER มีประโยชน์ใช้สอยจริง ทั้งเป็นค่า Gas, รางวัล Staking และ Governance Token ซึ่งช่วยให้ผู้ถือมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนระบบนิเวศ ไม่ใช่แค่การเก็งกำไร ด้วยเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและการออกแบบที่สมดุลระหว่างความปลอดภัยและประสิทธิภาพ HYPER จึงมีศักยภาพในการเติบโตสูงในตลาดคริปโตปัจจุบัน
หากคุณสนใจ เราขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลเชิงลึกได้จากบทวิเคราะห์ราคา HYPER หรือดูคู่มือวิธีซื้อ HYPER แบบละเอียด เพื่อประกอบการตัดสินใจ และใช้ช่องทาง X หรือ Telegram เพื่อติดตามบรรยากาศตลาดแบบเรียลไทม์