Bitcoin ETF คือ อะไร? อธิบายภาพรวม กลไก และแนวทางลงทุน

Bitcoin ETF คือ กองทุนที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนใน BTC ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องถือครองเหรียญเองหรือจัดการกับกระเป๋าเงินดิจิทัล ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมายมากกว่า เนื่องจากอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานทางการ เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแต่ยังลังเลเรื่องความเสี่ยงด้านเทคนิคหรือการเก็บรักษาเหรียญเอง
การลงทุนรูปแบบนี้แตกต่างจากการลงทุนในบิทคอยน์โดยตรงอย่างไร มีประเภทไหนบ้าง มีข้อดี-ข้อเสียอะไร แล้วเหมาะกับใคร ไปดูกัน!
ข้อมูลพื้นฐาน: Bitcoin ETF คือ อะไร?
อันดับแรกเรามาดูข้อมูลพื้นฐาน Bitcoin ETF สำคัญๆ กันก่อนว่าคืออะไร
Bitcoin ETF (Exchange-Traded Fund) หมายถึงกองทุนที่มีมูลค่าผูกกับแนวโน้มราคาของ Bitcoin ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายหุ้นของกองทุนนี้ผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องครอบครองบิทคอยน์ในรูปแบบจริง
การลงทุนใน Bitcoin ETF ช่วยลดความซับซ้อนในการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัล และทำให้นักลงทุนสามารถเริ่มต้นได้ง่ายกว่าการซื้อ Bitcoin โดยตรง

Bitcoin ETF (ExchangeTraded Fund) คือกองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในบิทคอยน์ โดยสามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้คล้ายกับหุ้นทั่วไป ต่างจากการลงทุนใน BTC โดยตรงที่ผู้ลงทุนจะต้องซื้อและจัดเก็บบิทคอยน์ในกระเป๋าเงินดิจิทัลด้วยตัวเอง
ข้อดี-ข้อเสีย ของการลงทุน Bitcoin ETF คือ?
เรามาดูข้อดีและข้อเสียของ Bitcoin ETF กัน ว่าแตกต่างจากการลงทุนในบิทคอยน์โดยตรงอย่างไร แล้วมีประเด็นอะไรบ้างที่ต้องพิจารณา
ข้อดีของ Bitcoin ETF:
- การเข้าถึงที่ง่ายดายและสะดวกสบาย: Bitcoin ETF ช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนใน Bitcoin ได้อย่างง่ายดายเหมือนกับการซื้อขายหุ้นทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้หรือจัดการกับกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) หรือการย้ายเหรียญไปยังฮาร์ดแวร์วอลเล็ต (Hardware Wallet) ที่อาจซับซ้อนเกินไปสำหรับบางคน อีกทั้งนักลงทุนยังสามารถใช้บัญชีการลงทุนที่มีอยู่แล้วเพื่อเริ่มต้นการซื้อขาย Bitcoin ETF ได้ทันที เป็นทางเลือกที่ลดความยุ่งยากและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย
- การกำกับดูแลด้วยมาตรฐานที่เข้มงวด: Bitcoin ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบที่เคร่งครัดจากหน่วยงานกำกับดูแล สิ่งนี้ช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับนักลงทุน เนื่องจากทรัพย์สินของพวกเขาจะได้รับการปกป้องจากความเสี่ยงที่เกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์และการฉ้อโกงต่าง ๆ การกำกับดูแลที่มีมาตรฐานสูงยังทำให้ Bitcoin ETF เป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือในสายตาของนักลงทุน
- การเปิดประตูสู่นักลงทุนสถาบัน: การอนุมัติให้มี Bitcoin ETF ในตลาดเป็นการสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนสถาบันที่อาจลังเลในการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมาก่อน โดย Bitcoin ETF ช่วยให้นักลงทุนกลุ่มนี้สามารถลงทุนใน Bitcoin ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและมั่นใจในความปลอดภัยของการลงทุน เม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันที่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดอาจเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้มูลค่าของ Bitcoin เติบโตในระยะยาว
- ข้อได้เปรียบด้านภาษี: เมื่อเปรียบเทียบกับการถือครอง Bitcoin โดยตรง การลงทุนผ่าน Bitcoin ETF มักมีความได้เปรียบในแง่ของการจัดการภาษีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า นักลงทุนไม่จำเป็นต้องเผชิญกับภาระภาษีที่สูงจนเกินไปเมื่อมีการทำกำไรจากการขายสินทรัพย์ นี่คือหนึ่งในข้อดีที่ทำให้ Bitcoin ETF กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนโดยสรุป Bitcoin ETF ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึง Bitcoin ได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยความสะดวกสบายและความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นจากการกำกับดูแลที่มีมาตรฐานสูง อีกทั้งยังอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ข้อเสียของ Bitcoin ETF:
- ความผันผวนของราคา: ราคาของ BTC มีความไม่แน่นอนสูงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าของ Bitcoin ETF ความผันผวนนี้อาจทำให้นักลงทุนประสบกับการขาดทุนในระยะเวลาอันสั้น
- ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น บิทคอยน์มักตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากระบบรักษาความปลอดภัยของกองทุนไม่แข็งแกร่งพอ อาจทำให้นักลงทุนเสียหายจากการสูญเสียเงินทุนได้ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึง
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: กระบวนการขุดบิทคอยน์ใช้พลังงานในปริมาณมหาศาล ซึ่งนำไปสู่ผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในระยะยาว นักลงทุนที่เข้าซื้อ Bitcoin ETF อาจไม่ทันนึกถึงว่าตนเองมีส่วนในการสนับสนุนปัญหานี้โดยอ้อม
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย: การลงทุนใน Bitcoin ETF มักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายหลายประเภท เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการหรือค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ซึ่งอาจลดทอนผลตอบแทนจากการลงทุนในภาพรวม นักลงทุนควรพิจารณาโครงสร้างค่าใช้จ่ายเหล่านี้อย่างละเอียด
- ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ: กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ BTC และสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงอยู่ในช่วงพัฒนาและปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ความเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบเหล่านี้อาจส่งผลต่อการดำเนินการของ Bitcoin ETF และสร้างความไม่แน่นอนต่อนักลงทุนโดยสรุป นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้อย่างรอบคอบและทำความเข้าใจในรายละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใน Bitcoin ETF เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม
ประเภทของ Bitcoin ETF มีอะไรบ้าง?
Bitcoin ETF หรือ Exchange Traded Fund เป็นกองทุนที่ออกแบบมาเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง BTC โดยตรง ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น

โดยไม่จำเป็นต้องถือครองสกุลเงินดิจิทัลในรูปแบบจริง กองทุนประเภทนี้แบ่งออกเป็นสองรูปแบบหลัก ได้แก่ Spot Bitcoin ETF และ Futures Bitcoin ETF ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นเฉพาะตัวและเหมาะสมกับนักลงทุนที่มีเป้าหมายและระดับความเข้าใจที่แตกต่างกัน
Spot Bitcoin ETF (Physical Bitcoin ETF)
Spot Bitcoin ETF เป็นกองทุนที่ถือบิทคอยน์จริงเป็นสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของกองทุนเอง ความพิเศษของกองทุนประเภทนี้คือ ราคาหุ้นของ Spot Bitcoin ETF จะสะท้อนมูลค่าของ BTC ที่กองทุนถืออยู่โดยตรง นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นของกองทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงเวลาทำการปกติ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการลงทุนในบิตคอยน์ โดยไม่ต้องเผชิญกับความยุ่งยากในการจัดการหรือเก็บรักษาสกุลเงินดิจิทัลด้วยตนเอง รูปแบบนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการถือครอง BTC หรือผู้ที่ต้องการความปลอดภัยที่มากขึ้นในกระบวนการลงทุน
Futures Bitcoin ETF
ในขณะที่ Futures Bitcoin ETF มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจาก Spot Bitcoin ETF เนื่องจากไม่ได้ถือครองบิทคอยน์จริง แต่จะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบิทคอยน์แทน โดยสัญญาเหล่านี้เป็นข้อตกลงที่กำหนดเงื่อนไขการซื้อขายเหรียญ ในอนาคตตามราคาที่ได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้า กองทุนลักษณะนี้มักมีความซับซ้อนสูงกว่า และเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้และประสบการณ์ในตลาดอนุพันธ์ เพราะแม้ว่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มาก แต่ความเสี่ยงในการขาดทุนก็สูงเช่นกัน Futures Bitcoin ETF จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับมือกับความผันผวนและเข้าใจกลไกของตลาดอนุพันธ์ได้อย่างลึกซึ้ง
สรุปได้ว่าไม่ว่าจะเป็น Spot Bitcoin ETF หรือ Futures Bitcoin ETF ทั้งสองประเภทล้วนมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงตลาดบิตคอยน์ได้ในรูปแบบที่หลากหลาย โดยไม่ต้องจัดการกับสกุลเงินดิจิทัลโดยตรง อย่างไรก็ตาม ก่อนลงทุน นักลงทุนควรศึกษาและประเมินความเสี่ยง รวมถึงผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นจากประเภทของ Bitcoin ETF ที่เลือกให้ละเอียด เพื่อให้สามารถตัดสินใจลงทุนในตลาดที่มีความผันผวนสูงได้อย่างรอบคอบและมั่นใจ
ทั้งสองประเภทนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การลงทุนบิทคอยน์ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น แต่การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Spot Bitcoin ETF และ Futures Bitcoin ETF จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกวิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและสไตล์การลงทุนของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การที่สหรัฐฯ อนุมัติ Bitcoin ETF ในปี 2024 สำคัญอย่างไร?
ในวันที่ 10 มกราคม 2024 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ได้อนุมัติการเสนอขาย Bitcoin ETF แบบ Spot เป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ

ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมากสำหรับนักลงทุนและตลาดคริปโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการรอคอยที่ยาวนานถึง 10 ปีนับตั้งแต่มีการยื่นขอ ETF ตัวแรกในปี 2013
ขั้นตอนการอนุมัติ Bitcoin ETF
- การยื่นคำขอ: บริษัทต่าง ๆ เริ่มยื่นคำขอเพื่อจัดตั้ง Bitcoin ETF ตั้งแต่ปี 2013 แต่ SEC ปฏิเสธคำขอเหล่านี้หลายครั้ง โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการจัดการตลาดและการป้องกันนักลงทุน
- การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ: ในเดือนมกราคม 2024 SEC ได้ทำการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเพื่ออนุญาตให้มีการสร้าง Bitcoin ETF บนตลาดหลักทรัพย์ใหญ่ ซึ่งรวมถึงการใช้กระบวนการสร้างและแลกเปลี่ยนที่เป็นเงินสดเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
- การเปิดตัว ETF: หลังจากได้รับอนุมัติในวันที่ 10 มกราคม ETF ตัวแรกเริ่มซื้อขายในวันถัดไป โดยมีความคาดหวังว่าการเปิดตัวนี้จะดึงดูดนักลงทุนใหม่ ๆ และขยายฐานนักลงทุนในสหรัฐฯ
- ผลกระทบต่อตลาด: การประกาศ Bitcoin ETF อย่างเป็นทางการ คาดว่าจะช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ทำให้ BTC กลายเป็นสินทรัพย์ที่ถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ เช่น ตลาดออปชั่น
- ความเสี่ยงและข้อพิจารณา: แม้ว่าการอนุมัติจะเป็นข่าวดี แต่ก็มีความเสี่ยงเกี่ยวกับความปลอดภัยและความไม่แน่นอนทางกฎระเบียบ เนื่องจาก ETF เหล่านี้ต้องพึ่งพาผู้ดูแลสินทรัพย์ที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม เช่น Coinbase ซึ่งถือครองบิทคอยน์จำนวนมากสำหรับ ETF ต่าง ๆ
ผลกระทบของการอนุมัติ Bitcoin ETF คือ?
การอนุมัติ Bitcoin ETF ครั้งนี้ถือเป็นการสร้างรากฐานใหม่ให้กับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินในตลาดคริปโต โดยช่วยให้ BTC ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับมากขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น ตลาดออปชั่น ยังมีส่วนช่วยผลักดันให้ตลาดคริปโตเติบโตอย่างยั่งยืน
ความเสี่ยงและสิ่งที่ควรพิจารณา
แม้ว่าการประกาศ Bitcoin ETF ครั้งนี้จะนับเป็นข่าวดีสำหรับหลายฝ่าย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เช่น ความไม่แน่นอนในด้านความปลอดภัย และการกำกับดูแลที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ETF เหล่านี้ยังต้องพึ่งพาผู้ดูแลสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ระบบดั้งเดิม เช่น Coinbase ซึ่งเป็นผู้ถือครอง BTC จำนวนมากสำหรับ ETF ที่ได้รับการอนุมัติ
โดยภาพรวมแล้ว การอนุมัติ Bitcoin ETF ในปี 2024 ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับบิทคอยน์ให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่เข้าสู่ตลาด และสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดคริปโตในระยะยาว
อัปเดตสถานการณ์ Bitcoin ETF ในไทย 2025 แบบครบจบ!
-
ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎระเบียบใหม่
ขณะนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ในขั้นตอนเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2025 โดยเนื้อหาการพิจารณาครั้งนี้เกี่ยวข้องกับแนวทางที่อนุญาตให้ศูนย์ซื้อขาย (CEX) สามารถออกเหรียญ Utility Token ของตัวเองได้ ทั้งยังมีข้อกำหนดที่ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใสในกระบวนการทั้งหมด
อีกทั้งยังมีโครงการนำร่องที่ริเริ่มให้สามารถใช้คริปโตเป็นช่องทางการชำระเงินสำหรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยโครงการนี้กำลังอยู่ระหว่างการประเมินความเหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาเปิดตัว Spot Bitcoin ETF ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่สามารถช่วยให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงตลาดคริปโตได้ง่ายขึ้น
-
ยกเว้นภาษี Capital Gains 5 ปี (2025–2029)
ครม. อนุมัติยกเว้นภาษีกำไรการขายคริปโตผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว! โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 ถึง 31 ธันวาคม 2029
คาดว่ามาตรการนี้จะดึงดูดเงินทุนเข้าประเทศกว่า 1 พันล้านบาท พร้อมวางเป้าหมายให้ประเทศเป็นศูนย์กลางดิจิทัลเอเชีย
-
Spot Bitcoin ETF จำกัดแค่ผู้ลงทุนรายใหญ่–กำลังพิจารณาเปิดรายย่อย
ปัจจุบัน ประเทศไทยมี Spot Bitcoin ETF อยู่ 2 กองทุน ซึ่งได้รับการบริหารจัดการโดย ONEAM และ MFC โดยทั้งสองกองทุนนี้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสะสมรวมกันมากกว่า 2.8 พันล้านบาท อีกทั้งยังสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่า 30% นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในช่วงปี 2024–2025
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบเพื่อเปิดโอกาสให้กองทุนรวมในประเทศไทยสามารถลงทุนใน ETF ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศได้ โดยจำกัดวงเงินลงทุนไม่เกิน 5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุน
ขณะเดียวกัน ก็กำลังมีการพิจารณาขยายสิทธิ์ให้กับนักลงทุนรายย่อยในประเทศ เพื่อให้สามารถซื้อขาย Spot Bitcoin ETF ได้โดยตรงผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งหากข้อเสนอนี้ได้รับการอนุมัติ จะถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันการยอมรับ crypto ในประเทศไทยไปอีกขั้น
-
ขยายฟันหลุมผลิตภัณฑ์ ETF
เริ่มเปิดให้ซื้อขาย Leveraged และ Inverse ETFs สำหรับนักลงทุนรายย่อยได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 เพื่อเสริมสร้างทางเลือกและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของตลาดทุน
สรุปได้ว่า ไทยก้าวหน้าอย่างชัดเจนในฐานะศูนย์กลางคริปโตประจำภูมิภาค ด้วยมาตรการสนับสนุนทางภาษี กฎระเบียบที่โปร่งใส รวมถึงแผนเปิด Spot Bitcoin ETF ให้กับนักลงทุนรายย่อย หากทุกอย่างเดินหน้าได้ครบ นี่จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ตลาดคริปโตไทยยิ่งกว่าเดิม
วิธีลงทุน Bitcoin ETF ในไทย
หากคุณเป็นนักลงทุนไทยที่สนใจลงทุน Bitcoin ETF การดำเนินการนั้นไม่ซับซ้อนและสามารถทำได้ตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้:

ทางเลือกสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ไม่สามารถซื้อ Bitcoin ETF ในไทย
ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีการอนุมัติให้ Bitcoin ETF จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยตรง เนื่องจาก Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ยังถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนที่รุนแรงในตลาดการเงินของประเทศได้ (แต่คาดว่าเร็วๆ นี้อาจมีข่าวดี)

ดังนั้นสำหรับนักลงทุนรายย่อย Bitcoin ETF ในไทยที่ไม่สามารถลงทุนได้โดยตรง เนื่องมาจากข้อจำกัดทางกฎหมายดังกล่าว ก็มีแนวทางอื่นที่ช่วยให้เข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ได้อย่างสะดวกและหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านทางต่างประเทศ โดยใช้บริการจากโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มการลงทุนที่มีให้บริการในต่างประเทศ เช่น การซื้อ ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังเกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในประเทศนั้นๆ ด้วย มาดูกันว่ามีแนวทางใดบ้าง:
1. กองทุนรวมแบบ Bitcoin ETF Fund of Funds
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย (KTAM) ได้พัฒนากองทุนที่มีชื่อว่า “กองทุนเปิดเคแทม Bitcoin ETF Fund of Funds” หรือ KT BTCETFFOF UI ซึ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin โดยเฉพาะ ตัวเลือกนี้ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยไม่จำเป็นต้องซื้อ BTC โดยตรงและลดความซับซ้อนในเรื่องการจัดการภาษี การลงทุนเริ่มต้นขั้นต่ำของกองทุนนี้อยู่ที่ 10,000 บาท โดยเงินลงทุนจะถูกนำไปจัดสรรในกองทุนต่างประเทศ เช่น iShares Bitcoin Trust ETF และ Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเผชิญกับความซับซ้อนของการถือครอง BTC
2. การลงทุนด้วย Bitcoin Futures
อีกหนึ่งทางเลือกที่นักลงทุนสามารถพิจารณาคือการซื้อขาย Bitcoin Futures ซึ่งเป็นสัญญาที่อ้างอิงราคาของบิทคอยน์ในอนาคต การเทรดในลักษณะนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้ทั้งในช่วงราคาขาขึ้นและขาลง แม้ว่าการลงทุนผ่าน Futures จะมีโอกาสสร้างผลกำไรที่สูง แต่ก็ต้องระวังความเสี่ยงที่มาพร้อมกับความผันผวนของราคา นักลงทุนจะต้องวางเงินประกันสำหรับการซื้อขาย ซึ่งช่วยให้เข้าถึงการลงทุนในตลาดได้โดยไม่จำเป็นต้องถือครอง BTC จริงๆ อย่างไรก็ตาม การลงทุนรูปแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้ดีและมีประสบการณ์ในการเทรด
3. แพลตฟอร์มหรือโบรกเกอร์ที่ให้บริการซื้อขาย ETF
หากคุณสนใจลงทุน Bitcoin ETF คุณอาจต้องใช้บริการจากโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มที่เน้นการซื้อขาย ETF โดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแพลตฟอร์มที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ เช่น Robinhood, Charles Schwab หรือ E*TRADE ที่อนุญาตให้คุณสามารถซื้อขาย Bitcoin ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ
ทางเลือกทั้งสามนี้ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยในประเทศไทยสามารถเข้าถึงตลาดบิตคอยน์ได้ในหลากหลายรูปแบบ แม้จะยังไม่สามารถลงทุนใน Bitcoin ETF ได้โดยตรง ทั้งนี้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจกับความเสี่ยงของแต่ละทางเลือกก่อนตัดสินใจลงทุนเพื่อให้สามารถจัดการพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อนาคต Bitcoin ETF จะเป็นอย่างไร?
อนาคตของ Bitcoin ETF กำลังกลายเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากขึ้นในวงการการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC หรือ ก.ล.ต.) ได้ให้การอนุมัติ Bitcoin ETF แบบ spot ในเดือนมกราคม 2024 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงมุมมองของหน่วยงานกำกับดูแลต่อสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน

การอนุมัตินี้เปิดโอกาสให้กลุ่มนักลงทุนสถาบัน เช่น BlackRock และ Fidelity เข้าถึงการลงทุนบิทคอยน์ได้ง่ายและสะดวกขึ้น โดยไม่ต้องเผชิญกับความซับซ้อนหรือความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการถือครองคริปโตเคอร์เรนซีโดยตรง นอกจากนี้ การเปิดตัว ETF ยังส่งผลให้ปริมาณการซื้อขาย BTC เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากตลาด
แม้จะมีความคืบหน้าในด้านนี้ แต่ก็ยังมีความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับอนาคตของ Bitcoin ETF โดยบางฝ่ายมองว่า BTC อาจไม่สามารถตอบสนองเป้าหมายในการเป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจได้อย่างแท้จริง อีกทั้งการลงทุนใน Bitcoin อาจสร้างวัฏจักรความผันผวนที่เสี่ยงต่อการขาดทุนรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปัญหาความไม่เท่าเทียมในกระจายความมั่งคั่งที่การลงทุนผ่าน Bitcoin ETF อาจก่อให้เกิดขึ้น
ในขณะเดียวกัน แม้ว่า Bitcoin ETF จะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น แต่ความเสี่ยงจากการเก็งกำไรยังคงมีอยู่ นักลงทุนควรประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องแนวโน้มตลาดและความผันผวนของราคา การเปิดตัว ETF อาจทำให้นักลงทุนบางกลุ่มเข้าใจผิด คิดว่าการลงทุนใน Bitcoin ปลอดภัยกว่าที่เป็นจริง ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสมได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ เป็นไปได้ว่าสำหรับประเทศไทยแล้ว อนาคตอาจจะมีการอนุมัติการเปิด Bitcoin ETF ในตลาดหลักทรัพย์ไทย ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อผ่านแพลตฟอร์มการลงทุนภายในประเทศได้ เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องจับตามองกันต่อไป
สรุปได้ว่า ทิศทางในอนาคตของ Bitcoin ETF จะพึ่งพาปัจจัยหลายด้าน ทั้งการพัฒนาของตลาด การปรับตัวของกฎระเบียบ และวิธีที่นักลงทุนตอบสนองต่อความผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว ซึ่งทั้งหมดนี้คุณสามารถตามอ่านข่าว Bitcoin วันนี้ ได้ที่หน้าเพจของเรา
บทสรุป
Bitcoin ETF คือ กองทุนที่ลงทุนในบิทคอยน์ และสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้โดยไม่ต้องจัดการสินทรัพย์ด้วยตัวเอง การลงทุนใน Bitcoin ETF มีข้อดีในแง่ของความสะดวกและความปลอดภัย แต่ก็มีข้อเสีย เช่น ค่าธรรมเนียมและความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
Bitcoin ETF แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ Spot Bitcoin ETF ที่ลงทุนใน Bitcoin จริง และ Futures Bitcoin ETF ที่ลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์ส การอนุมัติ Bitcoin ETF ในปี 2024 จะช่วยเพิ่มการยอมรับและทำให้การลงทุนใน BTC เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยง เช่น ความผันผวนของราคาและค่าธรรมเนียม รวมถึงทางเลือกสำหรับนักลงทุนในไทยที่ยังไม่สามารถซื้อ Bitcoin ETF เช่น การลงทุนผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศหรือการซื้อบิทคอยน์โดยตรง
ในอนาคต คาดว่า Bitcoin ETF จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความสนใจในคริปโตเคอร์เรนซียังเพิ่มขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
Bitcoin ETF แตกต่างจากการลงทุน Bitcoin ตรงๆ อย่างไร?
มีความเสี่ยงอะไรบ้างในการลงทุนใน Bitcoin ETF?
Bitcoin ETF สามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่?
เกี่ยวกับ Cryptonews
Cryptonews คือสื่อออนไลน์ระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2017 มุ่งเน้นการนำเสนอข่าวสาร บทวิเคราะห์ และคู่มือเชิงลึกในวงการคริปโตและบล็อกเชน ปัจจุบันมีผู้อ่านกว่า 2 ล้านคนต่อเดือน จากทั่วโลก และทีมผู้เขียนมากกว่า 70 คน ที่ครอบคลุมทุกมุมมอง ตั้งแต่ Bitcoin, Altcoin, DeFi, NFT ไปจนถึง Web3 ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปี เรามุ่งมั่นที่จะเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และอัปเดตเร็ว