ส่อง 3 เหรียญ Altcoin ลุ้นโตแรง หลังกระแส Stablecoin บูม!

ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยปัจจัยสำคัญอย่าง Stablecoin ซึ่งเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมกับโลกดิจิทัล ปัจจุบัน มูลค่ารวมของ Stablecoin พุ่งสูงแตะ 270,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นประมาณ 5% ภายในเวลาแค่เดือนเดียว ขึ้นแท่นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีบทบาทใกล้เคียงกับ Visa หรือระบบการโอนเงิน ACH สิ่งนี้ไม่เพียงสะท้อนการใช้งานจริง แต่ยังเป็นตัวเร่งที่ทำให้ เหรียญ Altcoin บางสกุลกลายเป็นผู้เล่นหลักในโครงสร้างพื้นฐานการเงินยุคใหม่
วันนี้ เราจะพาไปส่อง 3 เหรียญที่น่าจับตามองที่สุด ได้แก่ Ethereum, XRP และ Bitcoin Hyper ซึ่งกำลังมีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นเสาหลักสำคัญท่ามกลางกระแส Stablecoin ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
Stablecoin คือเชื้อเพลิงหลักของสภาพคล่อง
Stablecoin คือโทเค็นที่ถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าผูกกับสกุลเงินดั้งเดิม เช่น ดอลลาร์สหรัฐ แต่สามารถโอนและใช้งานได้บนบล็อกเชนสาธารณะ ปัจจุบันมันได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการชำระธุรกรรม ตั้งแต่การซื้อขายคริปโต การโอนเงิน ไปจนถึงการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน นอกจากนี้ยังถูกใช้เป็นแหล่งพักมูลค่าในยามตลาดผันผวน จนมีสถานะใกล้เคียงกับ “ทองคำดิจิทัล” ของวงการคริปโต รองจาก Bitcoin
ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า Tether (USDT) มีเหรียญหมุนเวียนกว่า 162,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นสินทรัพย์สำรองหลัก ขณะที่ Circle (USDC) มีอุปทานกว่า 64,000 ล้านดอลลาร์ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อมองไปที่การกระจายสภาพคล่อง จะเห็นว่า Ethereum ยังคงเป็นบ้านหลักของ Stablecoin ด้วยยอดรวมกว่า 137,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากระบบ DeFi ที่ครองตลาดมายาวนาน ส่วน Solana ก้าวขึ้นมาเป็นเครือข่ายอันดับ 3 ด้วยยอดกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์ โดย USDC เป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุด
การที่มี “เงินดิจิทัล” อยู่บนบล็อกเชนมากขึ้น นำไปสู่ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนและนักพัฒนา ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้งานบล็อกสเปซมากขึ้น เกิดค่าธรรมเนียมจากการ Staking ของ Validator และท้ายที่สุด มูลค่าของโทเค็นประจำเครือข่ายก็มีแนวโน้มสะสมขึ้นเรื่อยๆ
Ethereum – ศูนย์กลาง DeFi และโครงสร้าง Stablecoin ที่แข็งแกร่ง
Ethereum ETH 0.24% ยังคงครองบัลลังก์ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของ Stablecoin โดยมีสัดส่วนการจัดเก็บกว่า 70% ของ Stablecoin ทั้งหมดที่หมุนเวียนในตลาด
จุดแข็งของ Ethereum อยู่ที่ความสามารถในการรองรับ DeFi Protocols หลากหลาย ตั้งแต่การให้กู้ยืม, Yield Farming, DEX ไปจนถึง Liquidity Pool ซึ่งช่วยให้ Stablecoin บน Ethereum ไม่ได้เป็นเพียงเหรียญคงมูลค่า แต่ยังสามารถนำไปใช้สร้างผลตอบแทนได้จริง
นอกจากนี้ การออกกฎหมาย GENIUS Act ในสหรัฐฯ และการเติบโตของกองทุน Ethereum ETF ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนสถาบัน Standard Chartered ถึงขั้นปรับเป้าราคา ETH สำหรับปี 2025 จาก 4,000 ดอลลาร์ขึ้นเป็น 7,500 ดอลลาร์ โดยอ้างอิงถึงแรงหนุนจาก Stablecoin ที่ครองสัดส่วนค่าธรรมเนียมเครือข่ายมากกว่า 40% การเติบโตเช่นนี้ทำให้ Ethereum ยังคงเป็น เหรียญ Altcoin มาแรง ที่สถาบันการเงินเลือกใช้เป็นอันดับต้นๆ
แม้คู่แข่งอย่าง Solana และ Sui จะเติบโตเร็ว แต่ด้วยระบบนิเวศ DeFi ที่หนาแน่นและการสนับสนุนจากกฎระเบียบที่ชัดเจน ทำให้ Ethereum ยังคงมีศักยภาพสูงในการเป็นหัวใจของระบบการเงินดิจิทัลยุคใหม่
XRP – ผู้นำการชำระเงินข้ามพรมแดน
ต่างจาก Ethereum ที่มุ่งเน้นไปที่ DeFi, XRP XRP +0.12% ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สถาบันการเงินและการชำระเงินระหว่างประเทศโดยเฉพาะ Ripple มีพันธมิตรแล้วกว่า 300 แห่ง ครอบคลุม 40 ประเทศ รวมถึงธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Santander, Bank of America และ Standard Chartered
หนึ่งในก้าวสำคัญคือการเปิดตัว Ripple USD (RLUSD) ซึ่งได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล และการจับมือกับ Circle เพื่อนำ USDC มาลงบนเครือข่าย XRP Ledger ส่งให้ XRP ทะยานขึ้นติด Top 100 อันดับสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกอย่างเป็นทางการ
สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำว่า XRP ไม่ได้เป็นเพียงโทเค็นสำหรับโอนเงิน แต่กำลังขยายบทบาทสู่การเป็นศูนย์กลาง Stablecoin ระดับโลก
Ripple ยังประกาศความร่วมมือกับ SBI Holdings เพื่อผลักดัน RLUSD เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นในปี 2026 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เปิดรับเทคโนโลยีการเงินดิจิทัลอย่างจริงจัง หากแผนนี้สำเร็จ XRP จะกลายเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการโอนเงินทั่วโลก ตอกย้ำศักยภาพในฐานะ เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน ที่ยังคงมีพื้นที่เติบโตอีกมาก
Bitcoin Hyper – Layer-2 ที่อาจเปลี่ยนเกมคริปโต
ท่ามกลางกระแส Stablecoin ที่โตอย่างรวดเร็ว Bitcoin Hyper (HYPER) ได้กลายเป็นโปรเจกต์ที่ถูกจับตาในฐานะ Layer-2 บนเครือข่าย Bitcoin ที่สามารถปฏิวัติการใช้งาน BTC ได้อย่างแท้จริง และด้วยจุดเด่นในการผสานความปลอดภัยของ Bitcoin เข้ากับ Solana Virtual Machine (SVM) ทำให้รองรับธุรกรรมได้หลายพันรายการต่อวินาที

โครงการนี้ระดมทุนไปแล้วกว่า 11.7 ล้านดอลลาร์ในรอบ Presale โดยมีนักลงทุนสถาบันเข้าร่วมหลายราย และมีการซื้อขายครั้งใหญ่ระดับหลักแสนดอลลาร์ จุดขายสำคัญคือระบบ Canonical Bridge ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ฝาก BTC และรับ Wrapped BTC (wBTC) ไปใช้งานกับ DeFi, เกม และ NFT Marketplace ได้ทันที
ไม่เพียงเท่านั้น Bitcoin Hyper ยังมีโปรแกรม Staking ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 94% APY โดยมีโทเค็น HYPER มากกว่า 517 ล้านโทเค็นถูกล็อกไว้แล้ว สิ่งนี้ช่วยลดอุปทานหมุนเวียนและสร้างความขาดแคลนในตลาด
นักวิเคราะห์บางรายถึงขั้นประเมินว่า
HYPER +17.52% นี้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 100 เท่าในอนาคตอันใกล้ ทำให้มันถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในฐานะ เหรียญคริปโต Presale มาแรง ที่นักลงทุนสายเก็งกำไรไม่ควรมองข้าม
สรุป – กระแส Stablecoin เปิดทางให้ Altcoin โตแบบก้าวกระโดด
ภาพรวมทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า การเติบโตของ Stablecoin ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเพิ่มสภาพคล่อง แต่ยังทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้ เหรียญ Altcoin หลักๆ อย่าง Ethereum, XRP และ Bitcoin Hyper ก้าวเข้าสู่บทบาทสำคัญในระบบการเงินโลก
- Ethereum ได้เปรียบจากระบบ DeFi และกฎระเบียบที่ชัดเจน
- XRP ยืนหนึ่งในตลาดการโอนเงินข้ามพรมแดน พร้อมขยายเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก
- Bitcoin Hyper นำเสนอนวัตกรรม Layer-2 ที่เปลี่ยน Bitcoin ให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ใช้งานได้จริงใน DeFi
ด้วยการสนับสนุนจากทั้งสถาบัน กฎหมาย และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้งาน Stablecoin ทั้งสามโครงการนี้จึงกลายเป็นกลุ่ม เหรียญ Altcoin ที่มีศักยภาพเติบโตสูงในปี 2025 และปีถัดไป สำหรับนักลงทุนที่มองหาทางเลือกใหม่ๆ นี่อาจเป็นจังหวะทองที่ไม่ควรพลาดในการเข้ามาศึกษาและจับโอกาสก่อนใคร
เรามุ่งมั่นในการให้ความโปร่งใสกับผู้อ่าน เนื้อหาบางส่วนอาจมี Affiliate Links ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่น เพื่อความโปร่งใสสามารถอ่าน Affiliate Disclosure เพิ่มเติม