Vitalik ทุ่ม Ethereum หนุน 2 โปรเจกต์แอปแชทส่วนตัว

Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum สร้างความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในวงการอีกครั้ง โดยได้บริจาค 256 ETH ให้กับ 2 โปรเจกต์แอปพลิเคชันส่งข้อความที่เน้นความเป็นส่วนตัวอย่าง SimpleX Chat และ Session การบริจาคครั้งนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกโดยบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล on-chain อย่าง Arkham ก่อนที่ Buterin จะออกมายืนยันด้วยตนเอง
การกระทำครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนทางการเงิน แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนถึงทิศทางที่เขาต้องการผลักดันให้ระบบนิเวศของ Ethereum และโลกดิจิทัลมุ่งไป นั่นคืออนาคตของการสื่อสารที่ปลอดภัยและไร้การสอดแนมอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ด้วยความสำคัญของโปรเจกต์และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน จึงทำให้ Ethereum ยังคงเป็น หนึ่งในเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนในปี 2025 ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ
เบื้องหลังการบริจาค 256 Ethereum ผ่าน Railgun Privacy Protocol
การเคลื่อนไหวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Arkham ตรวจพบธุรกรรมการโอน 2.9 ล้านดอลลาร์ในรูปของ ETH ไปยัง Railgun ซึ่งเป็นโปรโตคอลเสริมความเป็นส่วนตัวบนเครือข่าย Ethereum หลังจากนั้นไม่นาน Vitalik Buterin ได้ออกมายืนยันผ่านบัญชี vitalik.eth ของเขาว่า เขาได้บริจาคเงินจำนวน 128 ETH ให้กับ SimpleX และอีก 128 ETH ให้กับ Session รวมเป็น 256 ETH
Buterin อธิบายว่าการใช้ Railgun ซึ่งเป็นระบบ Zero-Knowledge Privacy ช่วยให้เขาสามารถบริจาคโดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวได้ ซึ่งเป็นรูปแบบที่เขาใช้เป็นประจำในการสนับสนุนโครงการการกุศลและโครงการโอเพนซอร์สต่างๆ
เขาเน้นย้ำว่า “การส่งข้อความแบบเข้ารหัสอย่าง Signal นั้นสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความเป็นส่วนตัวในโลกดิจิทัล” แต่เขามองไปไกลกว่านั้น โดยชี้ให้เห็นถึงสองก้าวต่อไปที่สำคัญคือ “(i) การสร้างบัญชีโดยไม่ต้องขออนุญาต (permissionless) และ (ii) การรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแฝง (metadata privacy)”
ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวของราคาเหรียญก็เป็นที่น่าจับตาเช่นกัน โดยล่าสุด Ethereum ได้พุ่งทะลุ $3,000 จากแรงหนุนของนักลงทุนรายใหญ่และข่าวดีเรื่อง ETF
วิเคราะห์วิสัยทัศน์ Buterin ผ่าน SimpleX และ Session ที่ได้รับเลือก
การที่ Buterin เลือกสนับสนุน SimpleX และ Session ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ โปรเจกต์ทั้งสองมีแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาความเป็นส่วนตัวที่แอปแชทกระแสหลักยังทำไม่ได้ SimpleX ชูจุดเด่นเรื่อง “ความเป็นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบของตัวตน โปรไฟล์ รายชื่อติดต่อ และข้อมูลแฝง” โดยแพลตฟอร์มจะไม่มีการกำหนด ID ใดๆ ให้กับผู้ใช้ แม้แต่ตัวเลขสุ่ม การเชื่อมต่อทำผ่าน QR code หรือลิงก์เท่านั้น ทำให้ตัวเซิร์ฟเวอร์เองก็ไม่สามารถสร้างแผนผังความสัมพันธ์ของผู้ใช้งานได้
ในขณะที่ Session ซึ่งเดิมทีพัฒนาต่อยอดมาจาก Signal ได้รับการสร้างขึ้นใหม่โดยใช้เทคโนโลยี Onion Routing และโหนดบริการแบบกระจายศูนย์ (decentralized) จุดแข็งหลักคือการไม่ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ในการสมัคร ทำให้สามารถปกปิดตัวตนในระดับเครือข่ายได้คล้ายกับ Tor การสนับสนุนโปรเจกต์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์ของ Buterin ที่ต้องการเห็นระบบนิเวศของ Ethereum เป็นรากฐานของเทคโนโลยีที่เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
ความท้าทายและก้าวต่อไปของ Ethereum ในโลกแห่ง Privacy
อย่างไรก็ตาม Buterin ยอมรับว่าแอปทั้งสอง “ยังไม่ใช่ซอฟต์แวร์ที่สมบูรณ์แบบ และยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าจะไปถึงจุดที่มีประสบการณ์ผู้ใช้และความปลอดภัยที่ดีที่สุด” เขาได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาเชิงวิศวกรรมที่ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ เช่น “การรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแฝงอย่างเข้มข้นนั้นต้องการการกระจายศูนย์ ซึ่งเป็นเรื่องยาก” และการที่ผู้ใช้คาดหวังการรองรับหลายอุปกรณ์ (multi-device support) ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างซับซ้อนขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ ปัญหาการป้องกันการโจมตีแบบ Sybil และ Denial-of-Service (DoS) โดยไม่ต้องพึ่งพาการยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์ ยังคงเป็นโจทย์ที่เปิดกว้าง การบริจาคครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการใช้สินทรัพย์ส่วนตัวของเขาเพื่อชี้นำและกระตุ้นให้นักพัฒนาในชุมชน Ethereum หันมาให้ความสนใจกับปัญหาเหล่านี้มากขึ้น
ซึ่งวิสัยทัศน์ระยะยาวนี้ก็ส่งผลต่อ การวิเคราะห์แนวโน้มราคา Ethereum ในอนาคต ด้วยเช่นกัน ดังที่เขากล่าวทิ้งท้ายว่า “ปัญหาเหล่านี้ต้องการสายตาอีกหลายคู่จับจ้อง ผมขอให้ทุกทีมที่ทำงานในเรื่องสำคัญเหล่านี้โชคดี”