BTC = ทางรอดเศรษฐกิจถดถอย – Kiyosaki ชี้ ความขาดแคลนคือกุญแจ

Robert Kiyosaki นักเขียนชื่อดังเจ้าของหนังสือ “Rich Dad Poor Dad” หรือ “พ่อรวยสอนลูก” ได้ออกมาเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Greater Depression) ที่อาจกำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลก ท่ามกลางตัวเลขหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงกว่า 37 ล้านล้านดอลลาร์ และตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแอลง หลายคนจึงเริ่มหันมามอง BTC หรือ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์หลบภัยสำคัญ ด้วยคุณสมบัติด้านความขาดแคลนที่ไม่เหมือนใคร
สัญญาณอันตรายทางเศรษฐกิจที่ Kiyosaki ชี้เป้า
คำเตือนของ Robert Kiyosaki ไม่ได้เป็นเพียงการคาดเดาที่เลื่อนลอย แต่มีข้อมูลที่เป็นรูปธรรมสนับสนุน โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ได้พุ่งสูงเกินกว่า 37 ล้านล้านดอลลาร์ไปแล้ว ในขณะที่หนี้ภาคครัวเรือนก็สร้างสถิติใหม่ที่ 18.39 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ อัตราการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตที่เพิ่มสูงขึ้นยังสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนทั่วไปกำลังดิ้นรนอย่างหนักกับภาระค่าครองชีพและต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานซึ่งเคยเป็นจุดแข็งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็เริ่มแสดงสัญญาณอ่อนตัวลง โดยในเดือนสิงหาคมมีการจ้างงานใหม่เพียง 22,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี
สถานการณ์นี้สร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ที่ต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบระหว่างการชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หรือการลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งสองทางเลือกต่างก็มีความเสี่ยงในตัวเอง ปัจจัยเหล่านี้ยิ่งทำให้คำเตือนของ Kiyosaki ดูน่าเชื่อถือและมีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น
ทำไมความขาดแคลนของ BTC จึงเป็นจุดแข็งสำคัญ?
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โครงสร้างของ Bitcoin ได้มอบสิ่งที่สกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) ให้ไม่ได้ นั่นคือ “ความขาดแคลน” ที่มีอยู่อย่างจำกัด ด้วยจำนวนเหรียญสูงสุดที่ถูกกำหนดไว้ตายตัวที่ 21 ล้านเหรียญ และในปัจจุบันมีเหรียญถูกขุดออกมาแล้วมากกว่า 19.9 ล้านเหรียญ ทำให้จำนวนเหรียญใหม่ที่จะเข้าสู่ระบบมีน้อยลงเรื่อยๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ปรากฏการณ์ Halving ที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2028 จะยิ่งทำให้การสร้างอุปทานใหม่ของ Bitcoin ช้าลงไปอีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งสวนทางกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม ที่มีความเสี่ยงจากการถูกลดมูลค่าลงได้ตลอดเวลา จากการพิมพ์เงินเพิ่มในระบบ
นอกจากนี้ Bitcoin ยังเป็นสินทรัพย์ที่ไร้พรมแดน มีความโปร่งใส และสามารถโอนหากันได้ทันที ทำให้มันกลายเป็นสินทรัพย์หลบภัยที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ หากความกลัวเรื่องเศรษฐกิจถดถอยทวีความรุนแรงขึ้น ความขาดแคลนของ BTC อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันมูลค่าของมันให้สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
วิเคราะห์แนวโน้มราคา Bitcoin ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ในภาพรวมทางเทคนิคระยะสั้น ราคา Bitcoin กำลังสร้างฐานราคาใกล้ระดับ 110,800 ดอลลาร์ ภายในรูปแบบกราฟสามเหลี่ยมยกตัว (Ascending Triangle) ซึ่งมักเป็นสัญญาณของการปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 113,400 ดอลลาร์ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (50-SMA) ที่ 110,209 ดอลลาร์ ทำหน้าที่เป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง
หากราคาสามารถทะลุแนวต้าน 113,400 ดอลลาร์ไปได้ มีโอกาสที่จะมุ่งหน้าสู่เป้าหมายถัดไปที่ 115,400 และ 117,150 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดแนวรับ 110,000 ดอลลาร์ อาจมีการย่อตัวลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่โซน 108,450–107,400 ดอลลาร์

สำหรับแนวโน้มระยะยาว กราฟรายสัปดาห์ของ BTC ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน โดยราคากำลังสร้างฐานเหนือ 110,000 ดอลลาร์ และมีแนวต้านถัดไปที่ 124,750 ดอลลาร์ และด่านสำคัญที่ 134,500 ดอลลาร์
หากสามารถผ่านโซนนี้ไปได้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเป้าหมายระยะยาวตามหลัก Fibonacci อาจอยู่ที่ประมาณ 171,000 ดอลลาร์ และอาจไปถึง 231,000 ดอลลาร์ในรอบวัฏจักรขาขึ้นถัดไป โดยมีแนวรับสำคัญระยะยาวอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์ (50-week SMA) ที่ 95,928 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่นักลงทุนระยะยาวอาจพิจารณาเข้าสะสมเพิ่มเติม

Bitcoin Hyper – โอกาสลงทุนใน BTC ยุคใหม่ กับเครือข่ายที่ปังกว่าเดิม
Bitcoin Hyper กำลังเป็นที่จับตาในฐานะโครงการคริปโตที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ Bitcoin มีแนวโน้มฟื้นตัวและทำราคาสูงสุดใหม่
โครงการ Bitcoin Hyper (HYPER) พัฒนาขึ้นเป็น Layer-2 บน Solana Virtual Machine (SVM) เพื่อยกระดับ Bitcoin จากสินทรัพย์เก็บมูลค่าให้เป็นเครือข่ายความเร็วสูงที่รองรับการใช้งานในโลก DeFi, dApps และ Meme Culture ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Bitcoin Hyper มุ่งแก้ปัญหาข้อจำกัดของ BTC ดั้งเดิม ทั้งความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมที่จำกัด ค่าธรรมเนียมที่สูงในช่วงเวลาที่มีการใช้งานหนาแน่น และข้อจำกัดในการเขียนโปรแกรม HYPER จึงนำเสนอโซลูชันที่เร็วกว่า ถูกกว่า และสามารถเขียนโปรแกรมได้
ด้วยความสามารถในการประมวลผลธุรกรรมหลายหมื่นรายการต่อวินาที, ค่าธรรมเนียมเฉลี่ยต่ำกว่า 0.001 ดอลลาร์ และการรักษาความปลอดภัยผ่าน Zero-Knowledge Proof (ZKP) ทำให้โปรเจกต์น้องใหม่นี้ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อข้ามเชน (Cross-Chain Bridge) กับ Ethereum และ Solana ด้วย ทำให้สินทรัพย์จากเครือข่ายอื่นก็สามารถเข้ามาใช้งานใน Bitcoin Layer-2 ได้ทันที
ในส่วนของโทเค็น $HYPER จะมีบทบาทสำคัญในการเป็นค่า Gas สำหรับธุรกรรมบน Layer-2 เป็นกุญแจเข้าถึง dApps และฟีเจอร์พิเศษ รวมถึงใช้ในการกำกับดูแลโครงการผ่านระบบ DAO Governance
สามารถซื้อ $HYPER ได้ด้วยสกุลเงินดิจิทัลหลากหลาย รวมถึงบัตรเครดิต พร้อมตัวเลือกในการ Stake เพื่อรับผลตอบแทนได้ทันที
หากคุณสนใจ แนะนำให้อ่านบทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper หรือศึกษาวิธีซื้อ Bitcoin Hyper ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper หรือติดตามได้ทาง X และ Telegram