แรงซื้อทะลัก! Ethereum จ่อ $5,000 สถาบันแห่ตุน-ยอด Stake พุ่ง

Ethereum เข้าใกล้เป้าหมาย $5,000 เข้าไปทุกที โดย ETH กำลังเปลี่ยนผ่านจากเหรียญเพื่อการเก็งกำไรไปสู่การเป็นสินทรัพย์สำรอง (Reserve Asset) สำหรับนักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากแรงซื้อในกองทุน ETF, การสะสมเหรียญของเหล่าวาฬ และกิจกรรมบนเครือข่ายที่ทำสถิติสูงสุดใหม่
เจาะลึก Ethereum ETF ปัจจัยหลักดันราคา ETH พุ่ง
หนึ่งในตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญที่สุดคือการเติบโตของกองทุน ETH ETF ตามรายงานของ CryptoQuant กองทุน ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ทั้ง 9 แห่ง ถือครอง ETH รวมกันประมาณ 6.7 ล้าน ETH ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากช่วงที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวในเดือนเมษายน
การเติบโตนี้เป็นผลมาจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าอย่างมหาศาลเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ทำให้ ETF กลายเป็นช่องทางหลักสำหรับนักลงทุนสถาบันในการเข้าถึง Ether แม้ว่าในเดือนกันยายนจะชะลอตัวลง แต่ข้อมูลจาก SoSoValue เผยว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนยังคงดึงดูดเงินทุนใหม่ได้มากกว่า 640 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ใช้ ETF เป็นเครื่องมือในการลงทุนระยะยาว
วาฬแห่ตุน-ยอด Stake พุ่ง! อุปทาน ETH ในตลาดลดลง
นอกเหนือจากกองทุน ETF แล้ว ข้อมูลจาก CryptoQuant ยังแสดงให้เห็นว่านักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ ที่มีกระเป๋าเงินระหว่าง 10,000 ถึง 100,000 ETH ได้เข้าสะสมเหรียญไปแล้วประมาณ 6 ล้านเหรียญในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้ยอดถือครองรวมของพวกเขาสูงถึง 20.6 ล้าน ETH ซึ่งเป็นสถิติใหม่ สะท้อนภาพเดียวกับช่วงแรกของการอนุมัติ Bitcoin ETF ที่สถาบันต่างเร่งเข้ามาจับจอง
ในขณะเดียวกัน กิจกรรมการ Staking บนเครือข่าย Ethereum ก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยนักลงทุนได้นำ ETH มาล็อกในระบบเพิ่มอีก 2.5 ล้าน ETH ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทำให้ยอด Stake รวมอยู่ที่ 36.2 ล้าน ETH หรือคิดเป็นเกือบ 30% ของอุปทานทั้งหมดตามข้อมูลของ Dune Analytics

การล็อกอุปทานจำนวนมากนี้ช่วยลดปริมาณเหรียญหมุนเวียนในตลาดและสร้างแรงกดดันให้ราคาสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่านักลงทุนมุ่งมั่นที่จะถือครอง ETH ในระยะยาว
เครือข่าย ETH คึกคัก! ตอกย้ำพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
อีกหนึ่งหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาทของ ETH คือการเติบโตของกิจกรรมบนเครือข่าย (On-chain) ข้อมูลจาก CryptoQuant ระบุว่าจำนวนธุรกรรมรายวันพุ่งสูงถึง 1.7 ล้านครั้งในช่วงกลางเดือนสิงหาคม และจำนวน Active Address ก็แตะระดับ 800,000 ที่อยู่ ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นอกจากนี้ การเรียกใช้งาน Smart Contract ยังทะลุ 12 ล้านครั้งต่อวัน ตอกย้ำบทบาทของ Ether ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานหลักสำหรับโลกการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi), Stablecoins และสินทรัพย์ Tokenized อื่นๆ
การพัฒนาทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง ซึ่งมูลค่าของ ETH ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของตลาดเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากประโยชน์ใช้สอยจริงในฐานะกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจดิจิทัล
Pepenode เหรียญมีมบน Ethereum ที่มาพร้อม Mine-to-Earn
ในโลกของเครือข่าย ETH โครงการ Pepenode นำเสนอแนวคิดใหม่ด้วยโทเค็น $PEPENODE ซึ่งเป็นเหรียญมีมแบบ “Mine-To-Earn” ที่รวมการขุดเสมือนจริง

การ Staking และกลไกการเผาโทเค็นแบบ Deflationary เข้าไว้ด้วยกัน โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสร้าง “เหมืองเสมือน” ได้ทันทีตั้งแต่ช่วง Presale เพื่อรับรางวัลและโบนัสแบบเรียลไทม์
Pepenode แก้ปัญหาการ Presale แบบเดิมที่มักไม่มีกิจกรรมให้ทำก่อน TGE ด้วยการนำเสนอ Gamified Virtual Mining ผู้เข้าร่วมสามารถซื้อ Miner Node และอัปเกรด Facility เพื่อเพิ่ม Hashpower และขุดรางวัลได้ทันที
นอกจากนี้ยังมีระบบ Tiered Node Rewards ที่ให้ Node ขุดได้แรงกว่าแก่ผู้เข้าร่วมช่วงแรก และกลไกการเผาโทเค็น 70% ของ $PEPENODE ที่ใช้ซื้อหรืออัปเกรด เพื่อสร้างความขาดแคลนและเพิ่มมูลค่าในระยะยาว
หลัง TGE ระบบจะย้ายการขุดขึ้น On-Chain พร้อมโบนัสและ Leaderboard สำหรับผู้เล่นช่วงแรก โครงการยังมีแผนขยายไปสู่การเพิ่มรางวัลเป็นเหรียญมีมจริง เช่น PEPE และการพัฒนา Mobile Dashboard ในอนาคต
การจัดสรรโทเค็นทั้งหมดเปิดขายสาธารณะ ไม่มีรอบพิเศษสำหรับ VC ทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการเข้าร่วมและรับประโยชน์จากระบบที่ออกแบบมาเพื่อสร้างแรงจูงใจและประสบการณ์การลงทุนเชิงเกม
หากคุณสนใจ แนะนำให้อ่านบทวิเคราะห์ราคา Pepenode หรือศึกษาวิธีซื้อ Pepenode ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Pepenode หรือติดตามใน X และ ช่อง Telegram