ขาขึ้น Ethereum สะดุด! นักวิเคราะห์ชี้ 2 ปัจจัยหลักนี้ฉุดอยู่

Ethereum (ETH) กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ทำให้นักลงทุนต้องหยุดคิด นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังได้ออกมาเปิดเผยถึงปัจจัยสำคัญที่กำลังฉุดรั้งราคา ETH ไม่ให้พุ่งทะยานได้อย่างที่คาดหวัง โดยชี้ไปที่สถานะการเป็น ‘Store of Value’ ที่ยังไม่แข็งแกร่งพอ และอัตราเงินเฟ้อของเหรียญที่กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง
วิเคราะห์สาเหตุ Ethereum ขาดแรงส่ง ทำไมยังไม่เป็น Store of Value?
Ignas (@DefiIgnas) นักวิจัยคริปโตเคอร์เรนซี ได้แสดงความเห็นผ่าน X (Twitter) ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ศักยภาพการเติบโตของราคา ETH ถูกจำกัด เป็นเพราะเหรียญยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในฐานะ ‘Store of Value’ (SoV) หรือสินทรัพย์รักษามูลค่าได้อย่างเต็มที่
หากปราศจาก ‘SoV premium’ หรือมูลค่าเพิ่มจากการเป็นที่ยอมรับในฐานะ SoV แล้ว ปัจจัยบวกอื่นๆ เช่น กระแสการทำ Tokenization สินทรัพย์ในโลกจริง (RWA) ก็อาจไม่ทรงพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
ยิ่งไปกว่านั้น Ignas ยังชี้ว่ากระแส RWA และ Stablecoin อาจส่งผลกระทบย้อนกลับต่อการยอมรับของ Ethereum ได้ เนื่องจากปัจจุบันมีบล็อกเชนอื่นๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง มีค่าธรรมเนียมต่ำ และยืนยันธุรกรรมได้รวดเร็วกว่า ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับ Use Case เหล่านี้
อย่างไรก็ตาม จุดแข็งที่สำคัญของเหรียญคริปโตอันดับสองนี้คือ ยังไม่มีบล็อกเชน Layer-1 อื่นใดที่สามารถแข่งขันในด้านการกระจายอำนาจ (Decentralization) และความเป็นกลาง (Neutrality) ได้เท่าเทียม ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ETH มีความโดดเด่นและมีศักยภาพในการเป็น Store of Value ในระยะยาว
จับตาอนาคต Ethereum! ภาวะเงินเฟ้อและหนทางสู่การเป็น Deflationary?
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคา ETH คือสถานะภาวะเงินฝืด (Deflationary) ที่หายไป ข้อมูลล่าสุดในปี 2025 ระบุว่า อุปทานของ ETH กำลังเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.16% ต่อปี ซึ่งสวนทางกับช่วงต้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2025 ที่เครือข่ายเคยอยู่ในภาวะเงินฝืดได้สำเร็จ
เดิมที Ether ได้เริ่มกลไกการเผาเหรียญ (Fee Burn) หลังจากการอัปเกรด EIP-1559 ในปี 2021 ซึ่งทำให้เหรียญมีศักยภาพที่จะเป็น Deflationary ได้ แต่กลไกนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจำนวน Ether ที่ถูกเผาจากค่าธรรมเนียมมีมากกว่าจำนวนเหรียญที่ถูกผลิตขึ้นมาใหม่เท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันยังไม่เป็นเช่นนั้น
Ignas สรุปว่า หากนักลงทุนจะซื้อและถือ ETH ในตอนนี้ ต้องเชื่อมั่นว่าในอนาคต ETH จะสามารถหาวิธีเพิ่มอัตราการเผาเหรียญได้ เช่น การเก็บภาษีจาก Layer-2 และการใช้งานบนเครือข่ายต้องเติบโตมากพอที่จะทำให้อุปทานลดลง
หากทำได้สำเร็จ ETH ก็อาจสามารถก้าวขึ้นไปท้าชิงตำแหน่งกับ Bitcoin (BTC) และกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับพอร์ตการลงทุนของทั้งนักลงทุนสถาบันและรายย่อยได้เช่นกัน
Pepenode เหรียญ ERC-20 ที่มาพร้อมกลไกเผาโทเค็น 70!
Pepenode (PEPENODE) โทเค็น ERC-20 บน Ethereum กำลังเป็นที่พูดถึงในวงการคริปโต ด้วยคอนเซ็ปต์ “MINE-TO-EARN” ที่ไม่เหมือนใคร โดยเปลี่ยนช่วง Presale ที่มักจะเงียบเหงาให้กลายเป็นประสบการณ์แบบเกม ผู้เข้าร่วมสามารถสร้างเหมืองเสมือน ขุดโทเค็น อัปเกรด Node และเผาโทเค็นได้จริง แถมยังมีรางวัลและโบนัสแจกแบบเรียลไทม์ด้วย

หัวใจสำคัญของโปรเจกต์นี้คือระบบ Gamified Virtual Mining ผู้ใช้งานจะได้ซื้อ Miner Node และอัปเกรด Facility เพื่อเพิ่ม Hashpower พร้อมขุดรางวัลผ่านแดชบอร์ดที่อินเทอร์แอคทีฟและเข้าใจง่าย
ทุกครั้งที่ซื้อหรืออัปเกรด จะมีการเผาโทเค็นสูงสุดถึง 70% ซึ่งช่วยลดปริมาณหมุนเวียนและสร้างความขาดแคลน ส่งผลดีต่อมูลค่าในระยะยาว อีกทั้งระบบยังออกแบบมาเพื่อกันบอทและให้สิทธิ์พิเศษกับผู้เข้าร่วมช่วงแรกที่ได้ Node ที่มีพลังมากกว่า
จุดขายของ Pepenode ไม่ได้หยุดแค่การเป็นเหรียญมีม แต่ยังให้ผู้ถือเหรียญมีทางเลือกในการ Staking รับผลตอบแทน รวมถึงแข่งขันใน Leaderboard เพื่อคว้าโบนัสพิเศษด้วย
ความโปร่งใสก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง เพราะไม่มีรอบ VC หรือ Private Sale ทำให้รายย่อยทุกคนเข้าร่วมได้อย่างเท่าเทียม ในขณะที่ราคาพรีเซลจะค่อยๆ ปรับขึ้นตามช่วงเวลา ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมก่อนมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Pepenode กลายเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่นักลงทุนจับตามองในตอนนี้
ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติม แนะนำให้อ่านบทวิเคราะห์ Pepenode หรือดูวิธีซื้อ Pepenode ทีละขั้นตอน รวมถึงติดตามแผนงานและโรดแมปได้ที่เว็บไซต์ทางการของโปรเจกต์
ติดตามช่องทางโซเชียลของเหรียญ meme coin ใหม่นี้ได้ทาง X และ ช่อง Telegram