Ethereum จะยืนเหนือ $4,000 ไหวไหม? หลังกองทุน ETF เทขาย $800M!

Ethereum (ETH) กำลังเผชิญบททดสอบครั้งสำคัญที่แนวรับทางจิตวิทยาที่ $4,000 หลังจากเผชิญกับสัปดาห์ที่หนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่มีการเปิดตัว Spot ETH ETF ในสหรัฐฯ โดยมีเงินทุนไหลออกจากกองทุน ETF มากเป็นประวัติการณ์ถึง 800 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 5 วัน
สถานการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า ETH จะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับแรงเทขายมหาศาลและรักษาแนวรับสำคัญนี้ไว้ได้หรือไม่ หรือจะถูกกดดันให้ร่วงลงไปอีก
ETF เทขายหนัก! ETH เผชิญแรงกดดันกว่า $800 ล้าน
ข้อมูลจาก SoSoValue เปิดเผยว่า กองทุน Spot Ethereum ETF ในสหรัฐฯ มีเงินทุนไหลออกสุทธิรวมกว่า 800 ล้านดอลลาร์ในรอบ 5 วันที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการไหลออกรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ การเทขายที่หนักที่สุดเกิดขึ้นในช่วงวันพฤหัสบดีถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ราคา ETH ร่วงลงต่ำกว่าระดับ $4,000
กองทุนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ Fidelity’s Ethereum Fund (FBTC) ที่มีเงินไหลออกถึง 360 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย BlackRock’s ETHA Fund ซึ่งสูญเสียเงินทุนไป 200 ล้านดอลลาร์ โดยมีการไหลออกรายวันสูงกว่า 250 ล้านดอลลาร์ติดต่อกันหลายวัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเทขายจากสถาบันอย่างหนักหน่วง แต่ราคา ETH ก็สามารถดีดตัวกลับมายืนเหนือ $4,000 ได้ในช่วงสุดสัปดาห์ แสดงให้เห็นว่ายังมีแรงซื้อที่แข็งแกร่งและนักลงทุนระยะยาวยังคงเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของ Ether อยู่
วิเคราะห์ดัชนีความกลัว โอกาสของ Ethereum ท่ามกลางความผันผวน
ในขณะที่ราคา ETH พยายามต่อสู้กับแรงกดดันจากการไหลออกของ ETF แต่ภาพรวมความเชื่อมั่นในตลาดยังคงเปราะบาง ดัชนี Crypto Fear and Greed Index ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 34 ซึ่งจัดอยู่ในโซน “ความกลัว” (Fear) อย่างชัดเจน

ในอดีต ตัวเลขในระดับนี้มักจะทำให้นักลงทุนระยะสั้นชะลอการซื้อ แต่ในทางกลับกัน มันก็เป็นสัญญาณที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนสายสวนกระแส (Contrarian) ที่มองเห็นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ในราคาที่น่าดึงดูด
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าราคา ETH กำลังติดอยู่ระหว่าง 2 แรงผลักดัน คือแรงกดดันจากเงินทุนสถาบันที่ไหลออกและความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก กับแรงสนับสนุนจากนักลงทุนรายย่อยและผู้ที่มองหาโอกาสในช่วงที่ตลาดกำลังตื่นกลัว
เจาะลึกกราฟทางเทคนิค (ETH/USD) และแนวโน้มราคา
ในมุมมองทางเทคนิค ราคา ETH ยังคงอยู่ในสถานะที่ต้องระมัดระวัง การที่ราคาทะลุแนวรับของรูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร (Symmetrical Triangle) ในช่วงกลางเดือนกันยายนได้ยืนยันถึงแนวโน้มที่อ่อนแอลง นอกจากนี้ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) 50 วันและ 100 วันก็เริ่มลาดลง ซึ่งตอกย้ำถึงอคติในฝั่งขาลง
รูปแบบแท่งเทียนล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความลังเลของตลาด โดยมีแท่งเทียน Doji (แท่งที่ราคาเปิด–ปิดแทบเท่ากัน) และแท่งเทียนขนาดเล็กปรากฏขึ้นใกล้ระดับ $3,975 แม้ว่าไส้เทียนด้านล่างที่ยาวจะบ่งชี้ถึงความพยายามในการพยุงราคา แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน
ขณะที่ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับ 41 ซึ่งขยับขึ้นมาจากโซนขายมากเกินไป (Oversold) บ่งชี้ว่าอาจมีการดีดตัวขึ้นในระยะสั้นได้ แต่ยังไม่เพียงพอที่จะยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้น

สรุปแนวรับ-แนวต้านสำคัญของ ETH ที่ต้องจับตา
สำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ การจับตาดูแนวรับและแนวต้านสำคัญของ ETH เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสภาวะตลาดปัจจุบัน โดยมีระดับราคาที่น่าสนใจดังนี้:
แนวต้าน (Resistance): $4,167 และ $4,290 ซึ่งเป็นระดับที่ราคาอาจขึ้นไปทดสอบหากมีแรงซื้อกลับเข้ามา
แนวรับ (Support): $3,853, $3,733 และ $3,590 ซึ่งเป็นโซนที่ต้องระวังหากราคาทะลุแนวรับ $4,000 ลงไปได้
กลยุทธ์สำหรับเทรดเดอร์อาจแบ่งเป็น 2 ทาง คือการเข้าซื้อเชิงรุกใกล้แนวรับ $3,850–$3,900 โดยตั้งเป้าทำกำไรที่แนวต้าน $4,167 และ $4,290 หรือใช้แนวทางที่ปลอดภัยกว่าโดยรอให้ราคาสามารถปิดเหนือ $4,290 ได้อย่างมั่นคงเพื่อยืนยันการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้งก็ได้
ปัจจัยมหภาคและความท้าทายของ Ethereum ในระยะสั้น
นอกเหนือจากแรงเทขายของ ETF แล้ว ตลาดคริปโตโดยรวมยังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น สัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ที่อาจคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป และความผันผวนที่กลับมาอีกครั้งในตลาดหุ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ดิจิทัลรวมถึง Ether
อย่างไรก็ตาม ความสามารถของ ETH ในการป้องกันแนวรับ $4,000 ท่ามกลางแรงกดดันมหาศาลได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสำคัญทางจิตวิทยาของระดับราคานี้ หากความเชื่อมั่นของตลาดดีขึ้นและแรงกดดันจากสถาบันลดลง สมรภูมิที่ระดับ $4,000 นี้อาจกลายเป็นฐานที่มั่นคงสำหรับการพุ่งขึ้นครั้งต่อไปของ ETH ก็เป็นได้
Bitcoin Hyper เหรียญที่ระดมทุนได้อย่างรวดเร็วในช่วงตลาดขาลง
Bitcoin Hyper (HYPER) กำลังเป็นที่จับตาในฐานะเหรียญคริปโตน่าลงทุนปี 2025 หลังระดมทุนได้กว่า $29.95M สะท้อนความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกแม้ในช่วงที่ตลาดกำลังซบเซา

Bitcoin Hyper คือโปรเจกต์ Layer-2 ที่สร้างบน Solana Virtual Machine (SVM) เพื่อยกระดับ Bitcoin จากสินทรัพย์เก็บมูลค่าสู่เครือข่ายความเร็วสูง รองรับการใช้งาน DeFi, dApps และ Meme Culture ด้วยความสามารถประมวลผลธุรกรรมหลายหมื่นรายการต่อวินาที โดยมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 0.001 ดอลลาร์
HYPER ใช้ระบบความปลอดภัย Zero-Knowledge Proof (ZKP) ในการบีบอัดข้อมูลก่อนยืนยันบน Layer-1 ซึ่งช่วยแก้ปัญหาความช้า ค่าธรรมเนียมสูง และข้อจำกัดด้านการเขียนโปรแกรมของเครือข่าย Bitcoin เดิม
แถมแพลตฟอร์มนี้ยังมอบประโยชน์ใช้งานได้ทันที เช่น Meme Coin Factory, DeFi สำหรับ BTC, Micropayment และ GameFi/NFT และยังมีระบบ Cross-Chain Bridge ที่เชื่อมต่อ Bitcoin, Ethereum และ Solana เข้าด้วยกัน ทำให้เคลื่อนย้ายสินทรัพย์ได้อย่างปลอดภัย
หลักการทำงานคือ BTC ที่ฝากเข้าไปจะถูกล็อกและออกเป็น Wrapped BTC (WBTC) แทน เพื่อใช้งานในระบบนิเวศ Layer-2 ก่อนที่จะสามารถเผาเพื่อนำ BTC กลับคืนสู่เครือข่ายหลักได้
สำหรับผู้ที่อยากเข้าใจจุดเด่นของ Bitcoin Hyper เพิ่มเติม แนะนำให้อ่านบทวิเคราะห์ Bitcoin Hyper และอย่าลืมดูวิธีซื้อ Bitcoin Hyper ทีละขั้นตอนสำหรับผู้ที่อยากลงทุนในโซลูชั่น Layer-2 นี้