Bitcoin พลิกเกมอีกครั้ง หลังดีล BlackRock กลับมาเขียว – แรงขายจบยัง?

Bitcoin (BTC) ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง กว่า 11% ใน 1 สัปดาห์ ส่งผลให้กองทุน iShares Bitcoin Trust ETF (IBIT) ของ BlackRock กลับสู่แดนบวกอย่างเป็นทางการ โดยข้อมูลล่าสุดจาก Arkham Intelligence เผยว่านักลงทุนในกองทุนนี้มีกำไรสะสมรวมกันกว่า 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว
การฟื้นตัวครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนทางจิตวิทยาที่สำคัญ และทำให้นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาว่านี่คือสัญญาณสิ้นสุดของแรงเทขายแล้วหรือยัง?
เจาะลึก IBIT ของ BlackRock พลิกเกม BTC กลับมาเขียวอีกครั้ง!
การกลับมาทำกำไรของกองทุน IBIT จาก BlackRock ถือเป็นข่าวใหญ่ที่ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันและรายย่อย หลังจากที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันมาหลายสัปดาห์ในช่วงที่ราคา BTC ปรับตัวลงไปแถวๆ $80,000 กลางๆ
ข้อมูลจาก Arkham Intelligence ชี้ว่าราคาซื้อเฉลี่ยของนักลงทุนใน ETF กำลังเข้าใกล้จุดคุ้มทุน ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่เข้าสะสมในช่วงที่ตลาดผันผวนเมื่อปลายฤดูร้อนที่ผ่านมา
สัญญาณบวกนี้สะท้อนให้เห็นผ่านกระแสเงินทุนไหลเข้า (ETF flows) ที่ชัดเจน โดยกองทุน Bitcoin มีเงินไหลเข้าสุทธิติดต่อกัน 2 วันเป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ โดยในวันพุธที่ผ่านมามีเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้น 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ รายงานจาก K33 Research ยังระบุว่า BlackRock เป็นผู้ออก ETF เพียงรายเดียวที่มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิเป็นบวกตลอดทั้งปี 2025 ตอกย้ำถึงอิทธิพลของยักษ์ใหญ่รายนี้ที่มีต่อทิศทางตลาด BTC ในภาพรวม
เปิดปัจจัยสำคัญ หนุนราคา Bitcoin ฟื้นตัวแรง
โมเมนตัมเชิงบวกของราคา BTC ในรอบนี้ได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัยสำคัญ Geoff Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Standard Chartered ชี้ว่าความแข็งแกร่งของ BTC ตลอดทั้งปีนี้มาจากความต้องการใน Spot ETF ที่มีอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินก็เป็นอีกแรงส่งสำคัญให้กับสินทรัพย์เสี่ยง โดยข้อมูลจาก Fedwatch tool ล่าสุดบ่งชี้ว่าตลาดคาดการณ์โอกาสถึง 87% ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 basis points ในการประชุมวันที่ 10 ธันวาคมนี้ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเรื่องการคงดอกเบี้ยสูงเป็นเวลานาน
พฤติกรรมของนักลงทุนในรอบนี้ดูมีเสถียรภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ในช่วงที่ราคา BTC ปรับฐานรุนแรงตลอด 2 สัปดาห์ จนทำให้ต้นทุนถัวเฉลี่ยของผู้ถือ ETF ต่ำกว่าราคาตลาดที่ประมาณ 89,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงถือครองต่อไป แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นในตลาดจำนวนมากเป็นนักลงทุนระยะยาว ไม่ใช่สายเทรดระยะสั้น ซึ่งช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการเทขายอย่างตื่นตระหนก
วิเคราะห์กราฟเทคนิค: จับตาแนวต้านสำคัญทะลุ $100,000?
ในมุมมองทางเทคนิค โครงสร้างราคาของ Bitcoin กำลังเสริมความแข็งแกร่งให้กับฝั่งกระทิง จากกราฟ 4 ชั่วโมง จะเห็นว่าราคา BTC กำลังทดสอบแนวต้านเส้นกด (descending trendline) ที่เคยจำกัดการฟื้นตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากสร้างฐานที่สูงขึ้น (higher low) บริเวณ $86,878 ได้สำเร็จ ราคาก็สามารถกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20-EMA ได้อีกครั้ง พร้อมกับแท่งเทียนที่สะท้อนถึงการสะสมพลังอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ดัชนีชี้วัดโมเมนตัมก็ส่งสัญญาณบวกเช่นกัน ปัจจุบันราคาเหรียญซื้อขายอยู่บริเวณแนว 0.382 Fibonacci retracement ที่ $91,000 ในขณะที่ดัชนี RSI อยู่ใกล้ระดับ 68 ซึ่งบ่งบอกถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่งและยังมีพื้นที่ให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อได้อีก
หาก BTC สามารถรักษาระดับแนวรับเหนือ $90,000 ได้อย่างมั่นคง การทะลุแนวต้านสำคัญที่ $93,982 ก็จะเป็นการยืนยันรูปแบบการขยายตัวของราคา
หากการ breakout เกิดขึ้นจริง เป้าหมายถัดไปที่น่าจับตาคือ $93,966, $97,135 และแนวต้านที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นที่ $102,255 และหากโมเมนตัมยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงเดือนธันวาคม ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาอาจกลับไปทดสอบระดับ $107,000 อีกครั้ง
สำหรับนักเทรด การทะลุ 93,982 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ โดยมีจุดตัดขาดทุน (invalidation zone) อยู่ที่ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
บทสรุปและคาดการณ์อนาคตราคา Bitcoin
โดยสรุป การฟื้นตัวของราคา BTC ครั้งนี้มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งรองรับ ทั้งจากการกลับมาทำกำไรของกองทุนจาก BlackRock ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกจากฝั่งสถาบัน, กระแสเงินทุนไหลเข้า ETF ที่กลับมาเป็นบวก และแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวยจากการคาดการณ์ว่า Fed จะลดดอกเบี้ย ปัจจัยเหล่านี้รวมกันสร้างภาพรวมที่เป็นบวกให้กับ BTC ในช่วงที่เหลือของปี
ภาพทางเทคนิคชี้ว่าช่วงเวลานี้เป็นจุดวัดใจที่สำคัญ หาก BTC สามารถทะลุแนวต้านสำคัญไปได้อย่างยั่งยืน ก็อาจเป็นการยืนยันว่าช่วงเวลาของการปรับฐานได้สิ้นสุดลงแล้ว และกำลังเริ่มต้นการเดินทางสู่ขาขึ้นรอบใหม่ ซึ่งอาจผลักดันให้ตลาดคริปโตโดยรวม รวมถึง Altcoin บางส่วนกลับมาคึกคักอีกครั้งก่อนสิ้นปี
จับตา Maxi Doge ($MAXI) เหรียญมีมสายกล้ามที่กำลังมาแรง

ในขณะที่ตลาดกำลังฟื้นตัว นักลงทุนหลายคนก็เริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ และหนึ่งในโปรเจกต์ที่โดดเด่นคือ Maxi Doge ($MAXI) ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ด้วยการระดมทุนรอบ Presale ไปแล้วกว่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากทั้งรายย่อยและนักลงทุนระดับ Whales ที่มองว่านี่อาจเป็น Meme coin ที่มีศักยภาพเติบโตสูงอีกตัว
จุดเด่นที่ดึงดูดนักลงทุนคือระบบ Staking ที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยผู้เข้าร่วมช่วงแรกจะได้รับ APY ในระดับ 70% หรืออาจสูงกว่านั้น ซึ่งเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้ $MAXI กลายเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนวันนี้ เพราะนอกจากจะได้ซื้อเหรียญในราคาต่ำแล้ว ยังสามารถสร้างผลตอบแทนแบบ Passive Income ได้ทันที
Maxi Doge ยังสร้างความเชื่อมั่นด้วยความโปร่งใส โดย Smart Contract ผ่านการตรวจสอบแล้ว และมี Tokenomics ที่ชัดเจน ด้วยอุปทานรวม 150,240,000,000 เหรียญ และตั้งเป้า Hard Cap ไว้ที่ 15.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อควบคุมการกระจายโทเค็น ทำให้โปรเจกต์นี้แตกต่างจากเหรียญ Presale ทั่วไปและมีรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในระยะยาว
หากต้องการศึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้อ่านบทวิเคราะห์ Maxi Doge หรือดูวิธีซื้อ Maxi Doge ทีละขั้นตอน
อย่าลืมติดตามช่องทาง X และ Telegram เพื่อไม่พลาดทุกอัปเดต
ยอดระดมทุนล่าสุด
ราคาจะถูกปรับขึ้นอีกครั้งภายใน: