Bitcoin ETF เงินเข้ารายสัปดาห์ติดท็อป 2 ตั้งแต่เปิดตัว ลุ้นทำ ATH ใหม่?

Bitcoin ETF แบบ spot ในสหรัฐฯ สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งด้วยยอดเงินทุนไหลเข้า (inflows) สูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เปิดตัว โดยสามารถดึงดูดเม็ดเงินได้มากถึง 3.24 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาณบวกนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการที่ราคา BTC กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้จุดสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) อีกครั้ง ซึ่งเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก
Bitcoin ETF ฟื้นตัวแรง! เงินทุนไหลเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์อันดับ 2
ข้อมูลจาก SoSoValue เปิดเผยว่า กองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมียอดเงินทุนไหลเข้าสุทธิรวมกว่า 3.24 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นสถิติรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดเป็นอันดับสอง นับตั้งแต่กองทุนเริ่มทำการซื้อขายในเดือนมกราคม 2024
สถิติดังกล่าวเป็นรองเพียงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งเคยทำยอดเงินทุนไหลเข้าไว้สูงสุดที่ 3.38 พันล้านดอลลาร์ การกลับมาของกระแสเงินทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นการพลิกกลับจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเงินทุนไหลออกสุทธิ (net outflows) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมตลาดที่น่าสนใจถึง 4.14 พันล้านดอลลาร์เมื่อเทียบสัปดาห์ต่อสัปดาห์
BlackRock นำทัพ! IBIT กวาดเงินทุนมหาศาลกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์
ในบรรดากองทุนทั้งหมด กองทุน IBIT ของ BlackRock ยังคงเป็นผู้นำตลาดอย่างชัดเจน โดยสามารถดึงดูดเงินทุนไหลเข้าได้มากถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์เดียว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินทุนทั้งหมดที่ไหลเข้าสู่ BTC ETF ทั้งระบบ ส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ของ IBIT พุ่งสูงถึง 9.62 หมื่นล้านดอลลาร์
ตามมาด้วยกองทุน FBTC ของ Fidelity ซึ่งเป็นกองทุนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 โดยมีเงินทุนไหลเข้า 692.0 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 38% ของยอดเงินที่ไหลเข้ากองทุนของ BlackRock

นอกจากนี้ ข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่า IBIT มีปริมาณการซื้อขายที่โดดเด่น โดยมีมูลค่าการซื้อขายหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละวันของสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ FBTC มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดที่ 715 ล้านดอลลาร์
จับตา BTC ลุ้นทำลายสถิติ ATH ใหม่?
การฟื้นตัวของกระแสเงินทุนใน ETF ดังกล่าวเกิดขึ้นในจังหวะที่ราคา BTC กำลังกลับมาทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ All-Time High เดิมบริเวณ 124,000 ดอลลาร์ ซึ่งเคยทำไว้ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ปัจจัยหนุนดังกล่าวยังสอดคล้องกับสถิติในอดีตที่เดือนตุลาคมมักเป็นเดือนที่ดีสำหรับราคาของสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ สถานการณ์ความไม่แน่นอนจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนของสหรัฐฯ (partial government shutdown) อาจเป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันให้นักลงทุนหันมาสนใจ BTC มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน ตลาด Ethereum ETF ก็แสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยมีเงินทุนไหลเข้ากว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการพลิกกลับจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่เคยสร้างสถิติเงินทุนไหลออกสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งกองทุน โดยกองทุน ETHA ของ BlackRock เป็นผู้นำด้วยเงินทุนไหลเข้า 691.7 ล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่กลับมาเป็นบวกในวงกว้าง
Bitcoin Hyper โปรเจกต์ใหม่ที่จะพลิกโฉม BTC สู่ DeFi และ Meme Coin
Bitcoin Hyper ($HYPER) กำลังกลายเป็นโปรเจกต์ที่นักลงทุนพูดถึงมากที่สุดในปี 2025 หลังระดมทุนไปกว่า $29.7M ภายในเวลาอันรวดเร็ว กระแสนี้ยิ่งแรงขึ้นเพราะตลาดกำลังลุ้น BTC ทำสถิติสูงสุดใหม่ และบรรยากาศ Altcoin Season ก็คึกคักสุดขีด

สิ่งที่ทำให้โครงการเหรียญ HYPER น่าสนใจคือการเป็น Layer-2 บน Solana Virtual Machine (SVM) ที่เปลี่ยน BTC จากสินทรัพย์เก็บมูลค่า มาเป็นเครือข่ายความเร็วสูง รองรับทั้ง DeFi, dApps และ Meme Coin ต่างๆ โดยระบบสามารถประมวลผลธุรกรรมหลายหมื่นครั้งต่อวินาที และมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 0.001 ดอลลาร์ ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof (ZKP)
โปรเจกต์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้จุดอ่อนของเครือข่าย BTC ดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมที่ช้า ค่าธรรมเนียมสูง หรือข้อจำกัดในการเขียนโปรแกรม ด้วยการเชื่อม BTC เข้ากับเลเยอร์ใหม่ที่เร็วกว่า ถูกกว่า และพัฒนาได้จริงผ่าน Rust SDK และ API ที่นักพัฒนา Solana คุ้นเคยกันอยู่แล้ว เปิดโอกาสให้สามารถสร้าง Meme Coin, ใช้ BTC เป็นหลักประกันใน DeFi, ทำ Micropayment, หรือแม้แต่ GameFi/NFT ได้
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบ Cross-Chain Bridge (BTC ↔ ETH ↔ SOL) ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ข้ามเชนได้อย่างปลอดภัย ทำให้ BTC และสินทรัพย์จาก Ethereum หรือ Solana ถูกนำมาใช้งานใน Layer-2 ได้ทันที
ผู้ถือโทเค็น HYPER ยังใช้มันเป็นค่า Gas, นำไป Staking เพื่อรับรางวัล และเข้าร่วมโหวตทิศทางโครงการได้ด้วย ความสำเร็จนี้จึงไม่ได้เป็นแค่การเก็งกำไร แต่เป็นก้าวสำคัญในการเชื่อม BTC เข้ากับโลก DeFi และ NFT ซึ่งเป็นแรงขับที่อาจทำให้โปรเจกต์นี้กลายเป็น Layer-2 ดาวรุ่งของตลาดคริปโตในปีนี้และปีหน้า
อีกหนึ่งเหตุผลที่นักลงทุนไม่อาจมองข้ามคือ โครงสร้าง Presale ที่โปร่งใส ไม่มีรอบ VC หรือ Private Sale ให้กองทุนใหญ่กวาดเหรียญไปก่อน ทำให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงอย่างเท่าเทียมนั่นเอง
อ่านบทวิเคราะห์ราคา HYPER หรือศึกษาวิธีซื้อ HYPER ของเราด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพื่อให้มั่นใจในทุกจุด
อัปเดตข่าวสารล่าสุดผ่านเว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper หรือโซเชียลมีเดียอย่าง X และ Telegram