ซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตยังไง? ซื้อบิทคอยน์ที่ไหนดี? เริ่มต้นง่ายๆ ที่นี่
ปัจจุบัน สกุลเงินดิจิทัลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในฐานะสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไร หรือแม้แต่ถูกใช้เป็นสินทรัพย์เพื่อเก็บมูลค่าในยุคที่อัตราเงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ บิทคอยน์ (Bitcoin หรือ BTC) สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ทำให้คำถามที่ว่า บิทคอยน์ เล่นยังไง? กำลังเป็นที่สนใจทั้งในกลุ่มนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน วิธีการซื้อ BTC และแพลตฟอร์มเริ่มต้นเทรดคริปโต จึงเป็นข้อมูลที่มีผู้ค้นหาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในวิธีการซื้อบิทคอยน์ที่ง่ายที่สุดก็คือ การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิต ดังนั้น หากคุณกำลังสนใจลงทุนในบิทคอยน์แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ที่นี่มีคำตอบให้คุณ!
เราจะมาแนะนำวิธีการซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุด พร้อมแนะนำแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือสำหรับมือใหม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนหน้าใหม่หรือกำลังมองหาช่องทางการซื้อที่สะดวกรวดเร็ว บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าสู่โลกของสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิต ทำยังไง?
หากคุณกำลังมองหาวิธีซื้อบิทคอยน์วันนี้ที่สะดวกและรวดเร็ว การใช้บัตรเครดิตถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากนัก
ต่อไป เราจะไปดูขั้นตอนการซื้อบิทคอยน์ยังไงให้ง่ายและปลอดภัยผ่านแอพ Best Wallet ที่กำลังได้รับความนิยมในปี 2025
ทำไมต้อง Best Wallet?
Best Wallet เป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินคริปโตชั้นนำที่กำลังได้รับความนิยมในปี 2025 เนื่องจากความง่ายในการใช้งานและความปลอดภัยสูง และมีข้อดีหลายประการ เช่น:
- ซื้อบิทคอยน์ได้จากในกระเป๋าเงินโดยตรง
- มีตัวเลือกการชำระเงินหลากหลาย รวมถึง การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิต
- ไม่ต้องทำ KYC ทำให้มีความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์
- เป็นกระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial ทำให้คุณควบคุม Private Keys ด้วยตนเองได้
ขั้นตอนการซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตผ่าน Best Wallet
ก่อนอื่น สำหรับผู้ที่ยังไม่มีกระเป๋าเงินคริปโต ให้ทำการดาวน์โหลดและติดตั้งแอป Best Wallet ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
สมัครใช้งานแอป Best Wallet
1. ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป

หากคุณกำลังพิจารณาว่าจะซื้อบิทคอยน์ แอพไหนดี Best Wallet ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยคุณสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งแอปได้จากทั้ง Google Play Store และ App Store
2. สร้างบัญชีกระเป๋าเงิน

เปิดแอป Best Wallet สมัครบัญชีกระเป๋าเงินของคุณด้วยการใช้บัญชีอีเมล์ที่คุณต้องการใช้งาน หรือ สมัครด้วยบัญชี Goole หรือ Apple ที่คุณมีอยู่แล้ว
จากนั้น ตั้งรหัส PIN 4 ตัว และเปิดใช้งานระบบไบโอเมตริกเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับกระเป๋าเงินของคุณ เท่านี้ คุณก็มีกระเป๋าเงินที่พร้อมให้ใช้งานและซื้อบิทคอยน์แล้ว!
เริ่มต้นซื้อบิทคอยน์

สำหรับคนที่อยากลองลงทุนเล็กๆ น้อยๆ การซื้อบิทคอยน์ 1000 บาทเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยมีขั้นตอนดังนี้:
- ที่หน้าแรก ให้กดปุ่ม “Buy” ในส่วนของวิดเจ็ตกระเป๋าเงินของคุณ
- เลือกค้นหาและเลือก Bitcoin (BTC)
- กรอกจำนวนเงินที่ต้องการซื้อและเลือกสกุลเงินบาท (THB) เช่น ซื้อบิทคอยน์ 1000 บาท
- เลือกวิธีการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต (อัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมอาจจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการที่รับชำระเงิน)
- ทำตามขั้นตอนการชำระเงินที่ปรากฏบนหน้าจอ
- รอการยืนยันการทำธุรกรรม ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว บิทคอยน์จะถูกส่งเข้ากระเป๋าเงินของคุณทันทีหรือภายในไม่กี่นาที
ค่าธรรมเนียมและข้อจำกัดในการซื้อด้วยบัตรเครดิต
การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตมีข้อควรพิจารณาดังนี้:
- ค่าธรรมเนียม: การซื้อด้วยบัตรเครดิตมักจะมีอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าวิธีการชำระเงินอื่นๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการที่รับชำระเงิน แลกมากับความสะดวกสบายในการซื้อ
- เวลาในการทำรายการ: การซื้อด้วยบัตรเครดิตมักได้รับการประมวลผลทันที แต่บางครั้งก็อาจจะใช้เวลาถึง 30 นาทีในกรณีที่ระบบของผู้ให้บริการชำระเงินต้องการการตรวจสอบเพิ่มเติม
- ความปลอดภัย: ข้อมูลบัตรเครดิตของคุณจะได้รับการเข้ารหัสและปกป้องตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
หมายเหตุ: ขั้นตอนและค่าธรรมเนียมที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น แต่ละแพลตฟอร์มอาจจะมีกระบวนการและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไป คุณควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแพลตฟอร์มที่คุณเลือกใช้งาน
ซื้อบิทคอยน์ที่ไหนดี? ทางเลือกแพลตฟอร์มซื้อขายชั้นนำ
ในปี 2025 ทางเลือกในการซื้อบิทคอยน์มีหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม ผู้ลงทุนสามารถเลือกซื้อบิทคอยน์ได้จากหลายช่องทาง ทั้งแพลตฟอร์มระดับโลกและท้องถิ่น โดยแต่ละแห่งมีจุดเด่นแตกต่างกันไป
นอกจาก Best Wallet ที่เราแนะนำไปแล้ว ยังมีแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่น่าสนใจสำหรับการซื้อบิทคอยน์ในประเทศไทย ทั้งตลาดแลกเปลี่ยนระดับโลกอย่าง Binance หรือแพลตฟอร์มที่เน้นประสบการณ์การใช้งานง่ายอย่าง Margex
หากคุณกำลังพิจารณาว่าซื้อบิทคอยน์ที่ไหนดี การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการซื้อแบบไม่ต้องยืนยันตัวตน ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ หรือฟีเจอร์ขั้นสูงสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์
1. MEXC
MEXC เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ให้บริการผู้ใช้งานมากกว่า 15 ล้านคนทั่วโลก ด้วยระบบการซื้อขายประสิทธิภาพสูงที่รองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 1.4 ล้านรายการต่อวินาที ทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว

อีกทั้ง แพลตฟอร์มนี้มีการออกแบบที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานหน้าใหม่ไปจนถึงเทรดเดอร์มืออาชีพ โดยมีฟีเจอร์ขั้นสูงและตัวเลือกการเทรดที่หลากหลาย
การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตบน MEXC ทำได้ผ่านขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน เพียงสร้างบัญชี เลือกหัวข้อ “Buy Crypto” เลือก Bitcoin กรอกจำนวนที่ต้องการซื้อ และเลือกชำระเงินผ่านบัตรเครดิต (รองรับทั้ง Visa และ Mastercard) ระบบจะประมวลผลและเติมบิทคอยน์เข้ากระเป๋าเงินของคุณภายในไม่กี่นาที ทำให้เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับทั้งนักลงทุนมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการความรวดเร็วในการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล
ข้อดี
- โครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ดีเยี่ยม: ไม่มีค่าธรรมเนียม Maker สำหรับการเทรดทั้ง Spot และ Futures พร้อมค่าธรรมเนียม Taker ที่แข่งขันได้
- คริปโตให้เลือกมากมาย: รองรับมากกว่า 2,900 สกุลเงินคริปโตและคู่เทรดกว่า 2,700 คู่
- ตลาดซื้อขายที่หลากหลาย: นอกจากการเทรดแบบ Spot ยังมี Futures, Margin Trading และ ETF
- เลเวอเรจสูง: ให้เลเวอเรจสูงถึง 200x หรือบางคู่เทรดสูงถึง 400x
ข้อเสีย
- ไม่รองรับการถอนเงินสกุลเฟียต: ผู้ใช้งานไม่สามารถถอนเงินในรูปแบบสกุลเงินเฟียตได้โดยตรง
- ตัวเลือกการซื้อแบบด่วนที่จำกัด: มีคริปโตเพียงบางส่วนที่สามารถซื้อได้ทันที ซึ่งแตกต่างกันไปตามภูมิภาค
- ข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์: แม้จะให้บริการใน 170 ประเทศ แต่ยังมีข้อจำกัดอยู่ในหลายๆ ภูมิภาคสำคัญ
2. Binance
Binance เปิดตัวในปี 2017 และตอนนี้เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อดูจากปริมาณการซื้อขาย ที่นี่คุณสามารถซื้อขายเหรียญคริปโตได้มากกว่า 350 สกุล ใช้บริการหลากหลายทั้งการซื้อขายธรรมดา ซื้อขายแบบมีเลเวอเรจ ฝากคริปโตเพื่อรับดอกเบี้ย หรือแม้แต่ซื้อขาย NFT Binance ยังมีบล็อกเชนของตัวเอง และมีเหรียญ BNB เป็นเหรียญหลักของแพลตฟอร์ม

แม้ Binance จะเป็นผู้นำตลาด แต่ก็มีปัญหาด้านกฎหมายในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งส่งผลต่อบริการที่แพลตฟอร์มนำเสนอได้
การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตบน Binance ทำได้ง่ายมาก แค่สมัครบัญชี ยืนยันตัวตน กดปุ่ม “Buy Crypto” เลือกวิธีชำระเงินเป็นบัตรเครดิต ใส่จำนวนเงินที่ต้องการซื้อ แล้วยืนยันการชำระเงินตามขั้นตอน มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 3.5% หรือ $10 (เลือกจำนวนที่สูงกว่า) สำหรับการซื้อด้วยบัตรเครดิต
ข้อดี
- ค่าธรรมเนียมต่ำ: Binance คิดค่าธรรมเนียมต่ำกว่าเจ้าอื่นๆ ในตลาด บางคู่เหรียญยังซื้อขายได้ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย
- ความหลากหลายของสกุลเงินคริปโตที่รองรับ: รองรับเหรียญคริปโตมากกว่า 350 สกุล เหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นเหรียญรอง
- มีฟีเจอร์ซื้อขายขั้นสูง: สามารถเทรดแบบกู้ยืมได้ (เลเวอเรจ 3 เท่า) และเทรดสัญญาล่วงหน้าได้ (เลเวอเรจสูงถึง 125 เท่า)
- ความปลอดภัยสูง: มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด และมีกองทุนไว้ชดเชยลูกค้าหากมีปัญหาการรั่วไหลของข้อมูล
ข้อเสีย
- UI อาจจะดูใช้งานยากสำหรับมือใหม่: หน้าจอและเมนูต่างๆ มีความซับซ้อน ทำให้ผู้เริ่มต้นอาจงงได้
- ปัญหาด้านกฎระเบียบ: ถูกแบนหรือถูกจำกัดบริการในหลายประเทศเพราะปัญหาด้านกฎระเบียบ
- ข้อจำกัดด้านการสนับสนุนลูกค้า: หลายคนบ่นว่าการติดต่อแก้ปัญหากับฝ่ายสนับสนุนลูกค้าล่าช้า
3. Margex
Margex เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยมีสำนักงานใหญ่ในประเทศเซเชลส์ โดดเด่นเรื่องการซื้อขายแบบใช้เลเวอเรจสูงถึง 100 เท่า มีบริการ Staking คริปโตเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงถึง 5% ต่อปี มีกระเป๋าเงินแบบ Multi-Collateral (กระเป๋าเงินที่รองรับและใช้สินทรัพย์หลากหลายสกุลเป็นตัวค้ำประกันได้) และมี UI ที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับทั้งนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ

Margex ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูง โดยเก็บเงินในระบบออฟไลน์ (Cold Storage) และใช้การเข้ารหัสระดับสูง แต่ต้องระวังว่าแพลตฟอร์มนี้ไม่มีหน่วยงานรัฐกำกับดูแล ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงสำหรับบางคน ข้อดีคือไม่บังคับให้ต้องยืนยันตัวตน ทำให้รักษาความเป็นส่วนตัวได้ดีกว่าแพลตฟอร์มอื่น
การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตที่ Margex ทำได้ง่ายๆ เพียงสมัครบัญชี เข้าไปที่ “Wallet” กดปุ่ม “Buy Crypto” เลือกบิทคอยน์ ใส่จำนวนเงินที่ต้องการซื้อ เลือกผู้ให้บริการรับชำระเงิน (เช่น Paybis หรือ Finchpay) กรอกข้อมูลบัตร หรือใช้ Google Pay/Apple Pay แล้วยืนยันการซื้อ เมื่อเสร็จแล้ว บิทคอยน์จะเข้าสู่กระเป๋าเงิน Margex ของคุณทันที
ข้อดี
- ซื้อขายแบบเลเวอเรจ: รองรับการเทรดแบบใช้เลเวอเรจสูงถึง 100 เท่าสำหรับการซื้อขายอนุพันธ์
- ส่วนต่อประสานที่ใช้งานง่าย: ออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย เหมาะกับทั้งมือใหม่และผู้เชี่ยวชาญ
- ความปลอดภัยแข็งแกร่ง: เก็บเงินในระบบ cold storage และใช้การเข้ารหัสขั้นสูง
- บริการ Copy Trading: สามารถลอกเลียนกลยุทธ์การซื้อขายของนักเทรดที่ประสบความสำเร็จได้
ข้อเสีย
- แพลตฟอร์มไม่มีการกำกับดูแล: ตั้งอยู่ในประเทศเซเชลส์ ไม่มีการควบคุมจากหน่วยงานรัฐ ทำให้มีความเสี่ยงสูงหากเกิดปัญหา
- คู่เทรดมีจำกัด: มีตัวเลือกน้อยกว่าเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มซื้อขายขนาดใหญ่
- ไม่มีการซื้อขายแบบ Spot: มีเฉพาะการซื้อขายอนุพันธ์เท่านั้น
- ข้อจำกัดการถอนเงิน: การถอนเงินไม่สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง
4. BloFin
BloFin เป็นตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีแบบรวมศูนย์ (CEX) ก่อตั้งในปี 2019 โดย Matt Hu แพลตฟอร์มนี้เชี่ยวชาญในการซื้อขายฟิวเจอร์สที่มีเลเวอเรจสูงถึง 150 เท่า และรองรับสัญญา Perpetual มากกว่า 350 คู่ที่ใช้ USDT เป็นหลักประกัน นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายแบบ spot และฟีเจอร์ Copy Trading อีกด้วย BloFin มีมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงผ่านความร่วมมือกับ Fireblocks และ Chainalysis เพื่อให้มั่นใจในการคุ้มครองสินทรัพย์และการปฏิบัติตามข้อกำหนด

BloFin รองรับมากกว่า 80 สกุลเงินเฟียตสำหรับการซื้อคริปโต และให้บริการในกว่า 150 ประเทศ (ยกเว้นสหรัฐอเมริกา) แพลตฟอร์มนี้มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายสำหรับทั้งมือใหม่และนักเทรดที่มีประสบการณ์ พร้อมระบบที่ใช้งานได้อย่างเรียบง่าย นอกจากนี้ยังมีระบบรางวัลที่รวมถึงโปรแกรมการแนะนำ เกมสะสมคะแนน และตัวเลือกในการ Staking เพื่อสร้าง Passive Income
การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตบน BloFin ทำได้ง่ายผ่านเว็บไซต์หรือแอพมือถือ เริ่มจากการเข้าสู่ระบบและไปที่ส่วน “Buy Crypto” เลือกสกุลเงินเฟียต (เช่น USD) และเลือก USDT เป็นสกุลเงินคริปโตที่ต้องการซื้อ (ซึ่งสามารถแลกเป็นบิทคอยน์ได้ในภายหลัง) จากนั้นใส่จำนวนเงินที่ต้องการใช้ เลือกวิธีการชำระเงินเป็น “Card (VISA/Mastercard)” ใส่ข้อมูลบัตร ตรวจสอบรายละเอียดและค่าธรรมเนียมก่อนดำเนินการ ทำตามคำแนะนำของธนาคารเพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรม และรอรับคริปโตในบัญชีของคุณในไม่ช้า
ข้อดี
- ฟีเจอร์การซื้อขายขั้นสูง: มีการซื้อขายฟิวเจอร์สด้วยเลเวอเรจสูงถึง 150 เท่า, Copy Trading และการซื้อขายทดลองเพื่อฝึกฝนโดยไม่มีความเสี่ยง
- ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง: ความร่วมมือกับ Fireblocks และ Chainalysis ที่ช่วยให้มั่นใจในการเก็บรักษาและการตรวจสอบสินทรัพย์แบบเรียลไทม์
- การเข้าถึงทั่วโลก: รองรับมากกว่า 80 สกุลเงินเฟียตสำหรับการซื้อคริปโต และให้บริการในมากกว่า 150 ประเทศ (ยกเว้นสหรัฐอเมริกา)
- ระบบรางวัลมากมาย: รวมถึงโปรชวนเพื่อน, เกมสะสมแต้ม และการ Staking เพื่อรับผลตอบแทน
ข้อเสีย
- การเลือกคริปโตเคอร์เรนซีที่จำกัด: มีสินทรัพย์คริปโตเพียงประมาณ 120 รายการ ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่ต้องการโทเคนเฉพาะทาง
- ข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์: ไม่สามารถใช้งานได้ในบางภูมิภาค เช่น สหรัฐอเมริกาและแคนาดา
- ความซับซ้อนสำหรับผู้ใช้งานใหม่: ฟีเจอร์ที่หลากหลายอาจทำให้ผู้ใช้งานหน้าใหม่รู้สึกหนักใจ แม้จะมีการออกแบบที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานก็ตาม
5. BTCC
BTCC เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2011 และมีสำนักงานใหญ่ในลอนดอน ความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มนี้ได้รับการพิสูจน์จากประวัติด้านความปลอดภัยที่ไร้ที่ติ โดยไม่เคยถูกแฮ็กเลยตลอดระยะเวลากว่า 13 ปี BTCC ได้รับใบอนุญาตและการกำกับดูแลอย่างเต็มรูปแบบในเขตอำนาจศาลหลักๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรป ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการเงินที่เกี่ยวข้อง

BTCC เชี่ยวชาญในการให้บริการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีที่หลากหลาย รวมถึงการซื้อขายแบบ spot, สัญญา futures แบบ perpetual และฟีเจอร์ copy trading ที่เป็นนวัตกรรม แพลตฟอร์มนี้รองรับการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี 88 สกุลในตลาด spot และมากกว่า 300 สินทรัพย์ในตลาด futures ให้ตัวเลือกมากมายสำหรับการกระจายการลงทุนและกลยุทธ์การซื้อขาย นอกจากนี้ยังมีสภาพแวดล้อมการซื้อขายแบบทดลองที่นักเทรดใหม่สามารถฝึกฝนด้วยเงินเสมือน 100,000 ดอลลาร์ก่อนที่จะเสี่ยงด้วยเงินจริง
การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตบน BTCC มีขั้นตอนที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่ต้องผ่านขั้นตอนเพิ่มเติม โดยเริ่มจากการสร้างและยืนยันบัญชี จากนั้นไปที่ส่วน “Buy Crypto” และเลือกซื้อ USDT ก่อน ระบุจำนวนที่ต้องการซื้อ เลือกวิธีการชำระเงินเป็นบัตรเครดิต กรอกข้อมูลบัตร ทำตามขั้นตอนการยืนยันที่อาจกำหนดโดยผู้ให้บริการบัตรเครดิต และยืนยันการชำระเงิน เมื่อได้รับ USDT แล้ว คุณจะต้องใช้ฟีเจอร์การแปลงสกุลเงินของ BTCC เพื่อแลกเปลี่ยน USDT เป็นบิทคอยน์
ข้อดี
- ความปลอดภัยระดับเยี่ยม: ไม่เคยมีเหตุการณ์ละเมิดความปลอดภัยตั้งแต่ก่อตั้ง มีการเก็บสินทรัพย์ในระบบ cold storage และสำรองเงินทุนแบบ 1:1
- โอกาสในการเทรดที่หลากหลาย: นอกจากการซื้อขายแบบปกติ ยังมีการเทรดด้วยเลเวอเรจสูงถึง 500 เท่าสำหรับสินทรัพย์ยอดนิยม
- อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตร: ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายทั้งสำหรับมือใหม่และนักเทรดที่มีประสบการณ์
- บริการลูกค้าตลอด 24/7: มีผู้เชี่ยวชาญด้านบริการลูกค้าหลายภาษาพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา
ข้อเสีย
- ไม่มีฟีเจอร์ Staking: แตกต่างจากคู่แข่งหลายราย BTCC ไม่มีบริการ staking หรือการสร้างรายได้จากการถือครองคริปโต
- ตัวเลือกเงินเฟียตจำกัด: ไม่รองรับการถอนเงินเฟียต ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้งานบางราย
- การถอนเงินมีข้อจำกัด: สกุลเงินคริปโตีบางสกุลมีการระงับตัวเลือกการถอนบนแพลตฟอร์ม
- ระบบทดลองเทรดมีปัญหา: ผู้ใช้งานหลายรายรายงานปัญหาเกี่ยวกับฟังก์ชันการซื้อขายในโหมดทดลอง
6. PrimeXBT
PrimeXBT เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ที่พัฒนาจนกลายเป็นสภาพแวดล้อมการเทรดที่ครอบคลุม ให้บริการผู้ใช้งานกว่าหนึ่งล้านคนในกว่า 150 ประเทศ แพลตฟอร์มนี้โดดเด่นด้วยการมุ่งเน้นไปที่การซื้อขายอนุพันธ์มากกว่าการซื้อขายแบบ spot เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์ที่ต้องการเครื่องมือขั้นสูงและตัวเลือกเลเวอเรจสูง นอกจากคริปโตแล้ว PrimeXBT ยังเปิดให้เข้าถึงสินทรัพย์หลายประเภท ทั้งฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีต่างๆ ทั้งหมดในบัญชีเดียว

ที่ PrimeXBT นักเทรดจะได้พบกับโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้ (0.01% สำหรับผู้สร้างสภาพคล่อง/0.02% สำหรับผู้ใช้สภาพคล่อง) และตัวเลือกเลเวอเรจสูงถึง 1000:1 สำหรับฟอเร็กซ์และ 200:1 สำหรับคริปโตเคอร์เรนซี แพลตฟอร์มนี้ยังมีฟีเจอร์ Copy Trading ที่ครอบคลุม ข้อมูลกำไรรายวัน/รายเดือน และข้อมูลกลยุทธ์การเทรด อย่างไรก็ตาม PrimeXBT อาจไม่เหมาะสำหรับมือใหม่เนื่องจากการมุ่งเน้นไปที่การเทรดอนุพันธ์
การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตบน PrimeXBT ทำได้ไม่ยากและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เริ่มจากการสร้างบัญชีด้วยอีเมล บัญชี Google หรือบัญชี Apple โดยไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวตน KYC ทันที จากนั้นเข้าไปที่ส่วน ‘Buy Crypto’ เลือก BTC (บิทคอยน์) เป็นคริปโตที่ต้องการซื้อ เลือกสกุลเงินเฟียตสำหรับการชำระเงิน (USD, EUR ฯลฯ) ระบุจำนวนเงินที่ต้องการใช้จ่ายหรือปริมาณบิทคอยน์ที่ต้องการซื้อ เลือกบัตรเครดิตหรือเดบิตเป็นวิธีการชำระเงิน ตกลงตามเงื่อนไขและข้อกำหนด จากนั้นเลือกว่าจะส่งบิทคอยน์ไปยังกระเป๋าเงิน PrimeXBT ของคุณ (ฟรี) หรือโอนไปยังกระเป๋าเงินภายนอก (มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเล็กน้อย)
ข้อดี
- ตัวเลือกสินทรัพย์หลากหลาย: ใช้บัญชีเดียวเข้าถึงคริปโต ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีต่างๆ
- ค่าธรรมเนียมแข่งขันได้: มีค่าธรรมเนียมการเทรดต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในวงการสำหรับอนุพันธ์
- เทรดได้แบบไม่ต้องยืนยันตัวตน: สามารถเทรดได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ KYC ภาคบังคับ
- บัญชีเดโมพร้อมใช้: ฝึกฝนกลยุทธ์ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง
ข้อเสีย
- ไม่เป็นมิตรกับมือใหม่: ฟีเจอร์ขั้นสูงอาจทำให้นักเทรดหน้าใหม่สับสนได้ง่าย
- ค่าธรรมเนียม Funding Rate สูง: ค่าธรรมเนียมสำหรับฟิวเจอร์สคริปโตสูงกว่าคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ
- ฟีเจอร์ความปลอดภัยจำกัด: ขาดการพิสูจน์เงินสำรอง การตรวจสอบความปลอดภัย และความคุ้มครองประกันสำหรับสินทรัพย์ของผู้ใช้งาน
7. KCEX

KCEX เป็นตลาดซื้อขายคริปโตชื่อดังีที่ก่อตั้งในปี 2021 ในประเทศเซเชลส์ แพลตฟอร์มนี้เติบโตอย่างรวดเร็วจนมีผู้ใช้งานมากกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก มีปริมาณการซื้อขายรายวันเกินกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ KCEX ให้บริการทั้งการซื้อขายแบบ spot และ futures โดยมีตัวเลือกเลเวอเรจสูงถึง 100 เท่าสำหรับนักเทรดที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ที่สำคัญคือแพลตฟอร์มนี้รองรับคริปโตมากกว่า 500 สกุล ครอบคลุมทั้งสินทรัพย์หลักและเหรียญ Altcoins มากมาย
KCEX โดดเด่นด้วยโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายแบบ spot 0% ทั้งสำหรับผู้สร้างและผู้ใช้สภาพคล่อง ค่าธรรมเนียม 0% สำหรับผู้สร้างสภาพคล่องในตลาด futures และเพียง 0.01%-0.02% สำหรับผู้ใช้สภาพคล่องในตลาด futures นอกจากนี้ KCEX ยังไม่คิดค่าธรรมเนียมการถอนคริปโตเคอร์เรนซีอีกด้วย
สำหรับการซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตเพื่อใช้บน KCEX มีข้อควรทราบว่า แพลตฟอร์มนี้ไม่รองรับการซื้อโดยตรงด้วยบัตรเครดิตหรือสกุลเงินเฟียตใดๆ แต่ผู้ใช้งานสามารถทำผ่านวิธีทางเลือกได้ โดยต้องสมัครบัญชีกับตลาดซื้อขายที่รองรับการซื้อด้วยบัตรเครดิต เช่น Best Wallet, Binance หรือ MEXC จากนั้น ทำการยืนยันตัวตน KYC ซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตบนแพลตฟอร์มนั้นๆ แล้วโอนไปยังบัญชี KCEX ของคุณ ซึ่งการสร้างบัญชีบน KCEX ต้องการเพียงอีเมลโดยไม่จำเป็นต้องทำ KYC
ข้อดี
- ไม่ต้องยืนยันตัวตน KYC: เริ่มเทรดได้ทันทีหลังสมัครโดยใช้เพียงอีเมล เสริมความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้
- ค่าธรรมเนียมต่ำมาก: การซื้อขายแบบ spot ฟรี และคิดค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อยสำหรับการเทรด futures
- ถอนคริปโตฟรี: ไม่มีค่าธรรมเนียมในการถอนคริปโตเคอร์เรนซี ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
- สภาพคล่องสูง: มีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งในคู่เทรดต่างๆ ช่วยให้คำสั่งซื้อขายดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
ข้อเสีย
- ไม่รองรับสกุลเงินเฟียต: ไม่สามารถฝากหรือถอนด้วยสกุลเงินเฟียต เช่น USD หรือ EUR ได้
- ไม่มีการซื้อด้วยบัตรเครดิตโดยตรง: ต้องซื้อผ่านตลาดแลกเปลี่ยนอื่นก่อนแล้วค่อยโอนมา
- ทางเลือก Passive Income ที่จำกัด: ขาดฟีเจอร์ staking, บอทเทรด และ copy trading ที่คู่แข่งหลายรายมี
- แพลตฟอร์มค่อนข้างใหม่: เปิดตัวในปี 2021 จึงยังไม่มีประวัติการดำเนินงานระยะยาวเหมือนตลาดที่เก่าแก่กว่า
ตารางเปรียบเทียบแพลตฟอร์มซื้อบิทคอยน์ยอดนิยมปี 2025
| แพลตฟอร์ม | ค่าธรรมเนียมการซื้อด้วยบัตรเครดิต | ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย | ต้องยืนยันตัวตน (KYC) | จำนวนคริปโตที่รองรับ | เลเวอเรจสำหรับการเทรดสูงสุด | จุดเด่น |
| Best Wallet | ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการบุคคลที่สาม | มาตรฐานของเครือข่าย (ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม) | ไม่ต้อง | 1,000+ สกุลบน 60+ บล็อกเชน | ไม่รองรับ | กระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial, ระบบความปลอดภัยจาก Fireblocks, มี DEX ในตัวเชื่อมต่อกับ 200+ ตลาด, ฟีเจอร์ Staking ในแอป, ค้นพบโทเค็นใหม่ๆ, เชื่อมต่อกับ dApps |
| MEXC | ไม่ระบุชัดเจน | Maker 0%, Taker ต่ำ | ต้อง | 2,900+ สกุล | 200x (บางคู่ 400x) | คริปโตหลากหลาย, ไม่มีค่าธรรมเนียม Maker, เลเวอเรจสูง |
| Binance | 3.5% หรือ $10 (แล้วแต่อันไหนสูงกว่า) | ต่ำ (บางคู่ฟรี) | ต้อง | 350+ สกุล | 125x | ค่าธรรมเนียมต่ำ, ฟีเจอร์ซื้อขายขั้นสูง, ความปลอดภัยสูง |
| Margex | ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการบุคคลที่สาม | ไม่ระบุชัดเจน | ไม่ต้อง | จำกัด (ไม่ระบุตัวเลข) | 100x | ใช้งานง่าย, ฟีเจอร์ Copy Trading, ระบบความปลอดภัยแข็งแกร่ง |
| BTCC | ไม่ระบุชัดเจน | ไม่ระบุชัดเจน | ต้อง | 88 สกุล (Spot), 300+ (Futures) | 500x | ประวัติความปลอดภัยยาวนาน, อินเทอร์เฟซเป็นมิตร, บริการลูกค้า 24/7 |
| BloFin | ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการบุคคลที่สาม | ไม่ระบุชัดเจน | ต้อง | 120+ สกุล | 150x | ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง, รองรับ 80+ สกุลเงินเฟียต, ระบบรางวัลมากมาย |
| KCEX | ไม่รองรับโดยตรง | Spot 0%, Futures Maker 0%, Taker 0.01-0.02% | ไม่ต้อง | 500+ สกุล | 100x | ค่าธรรมเนียมต่ำมาก, ถอนคริปโตฟรี, สภาพคล่องสูง |
| PrimeXBT | ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการบุคคลที่สาม | Maker 0.01%, Taker 0.02% | ไม่ต้อง | ไม่ระบุชัดเจน | คริปโต 200x, ฟอเร็กซ์ 1000x | ตัวเลือกสินทรัพย์หลากหลาย, ค่าธรรมเนียมแข่งขันได้, เทรดได้แบบไม่ต้องยืนยันตัวตน |
หมายเหตุ:
- ข้อมูลในตารางอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของแต่ละแพลตฟอร์ม
- ค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและปริมาณการซื้อขาย ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดบนเว็บไซต์ทางการของแต่ละแพลตฟอร์ม
ข้อควรระวังเมื่อซื้อบิทคอยน์ครั้งแรก
สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นซื้อบิทคอยน์เป็นครั้งแรก มีข้อควรระวังสำคัญที่ควรทราบดังนี้:
- ระวังเว็บไซต์หลอกลวง: เมื่อซื้อบิทคอยน์ ต้องแน่ใจว่าใช้แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบ URL ให้ถูกต้อง และหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์จากอีเมลหรือข้อความที่ไม่น่าไว้วางใจ
- เก็บรักษา Recovery Phrase: หากซื้อบิทคอยน์และเก็บในกระเป๋าเงินส่วนตัว ต้องเก็บรักษา Seed Phrase หรือ Recovery Phrase ไว้ในที่ปลอดภัย อย่าถ่ายรูปหรือเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หรือมือถือ
- ศึกษาค่าธรรมเนียมให้ดี: การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตมักมีค่าธรรมเนียมสูง ควรเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมระหว่างแพลตฟอร์มและวิธีการชำระเงินต่างๆ
- เริ่มต้นจากจำนวนน้อย: ควรเริ่มซื้อบิทคอยน์ในจำนวนที่น้อยก่อน เช่น 1,000 บาท เพื่อทำความคุ้นเคยกับระบบและลดความเสี่ยง
- ระวังความผันผวนของราคา: ราคาบิทคอยน์มีความผันผวนสูง ดังนั้นควรลงทุนเฉพาะเงินที่พร้อมจะสูญเสียได้
- อย่าเชื่อคำโฆษณาผลตอบแทนสูงเกินจริง: ข้อเสนอให้ซื้อบิทคอยน์แล้วได้ผลตอบแทนรับประกันสูงผิดปกติมักเป็นการหลอกลวง
- ตรวจสอบกฎหมายภาษี: ศึกษาข้อกำหนดทางภาษีเกี่ยวกับการซื้อขายบิทคอยน์ในประเทศของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต
สรุป: เลือกวิธีที่เหมาะกับคุณในการเริ่มต้นลงทุนบิทคอยน์
ในยุคที่สกุลเงินดิจิทัลกำลังเป็นที่นิยม การซื้อบิทคอยน์ด้วยบัตรเครดิตผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Best Wallet จึงเป็นทางเลือกที่สะดวก รวดเร็ว และเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอน KYC ที่ยุ่งยาก
ไม่ว่าคุณจะเลือกแพลตฟอร์มไหน สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน พิจารณาค่าธรรมเนียม ความปลอดภัย และระดับความเข้าใจของคุณเอง ก่อนเริ่มต้นลงทุน เพื่อให้การเข้าสู่โลกคริปโตของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการซื้อบิทคอยน์