เทรดฟิวเจอร์ คืออะไร? ปูพื้นฐาน Futures และตลาดอนุพันธ์สำหรับมือใหม่

ในยุคที่การลงทุนกลายเป็นสิ่งใกล้ตัวมากขึ้น หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “เทรดฟิวเจอร์” ผ่านหูมาบ้าง แต่ยังไม่เข้าใจแน่ชัดว่ามันคืออะไรและเกี่ยวข้องอย่างไรกับการสร้างผลตอบแทนจากตลาดการเงิน แท้จริงแล้ว การเทรดฟิวเจอร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือซับซ้อนเกินไป หากเข้าใจหลักการพื้นฐานและวิธีบริหารความเสี่ยงอย่างถูกต้อง
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกตั้งแต่แนวคิดเบื้องต้นของสัญญาฟิวเจอร์ การทำงานของตลาดอนุพันธ์ โอกาสและความเสี่ยง ไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ที่นับวันจะกลายเป็นสนามลงทุนหลักของนักลงทุนรุ่นใหม่ทั่วโลก หากคุณกำลังมองหาวิธีขยายโอกาสในโลกการเงิน การเทรดฟิวเจอร์อาจเป็นคำตอบที่น่าสนใจสำหรับคุณ!
เทรดฟิวเจอร์ คืออะไร? ทำความเข้าใจพื้นฐานการลงทุนในตลาดอนุพันธ์
เทรดฟิวเจอร์ คืออะไร นั่นคือคำถามที่หลายคนสงสัยเมื่อเริ่มต้นสำรวจโลกการลงทุนที่กว้างใหญ่ ถ้าจะให้พูดง่ายๆ การเทรดฟิวเจอร์ คือ การที่คุณกำลัง “ทำสัญญาซื้อหรือขายสินทรัพย์ในอนาคต” ในราคาที่กำหนดไว้ ณ วันนี้ โดยไม่ได้แลกเปลี่ยนสินค้าในทันที แต่จะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ผ่านสัญญา (Futures Contract) ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และจะมีการส่งมอบในวันที่ระบุไว้ในอนาคต ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง โดยไม่จำเป็นต้องถือสินทรัพย์อ้างอิงจากหลักฐานที่ซื้อขายผ่านตลาดกลาง
ความหมายของสัญญาฟิวเจอร์ส (Futures Contract)
แล้ว Futures คืออะไร? ฟิวเจอร์ คือ “สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีมาตรฐาน” ที่จะกำหนดเนื้อหาต่างๆ ของสินทรัพย์อ้างอิงไว้ โดยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมีพันธะผูกพันในการปฏิบัติตามสัญญาที่กำหนดไว้ เช่น จำนวนสินค้า ประเภท คุณลักษณะของสินค้า สถานที่และวันที่ส่งหรือรับมอบ เป็นต้น
ยกตัวอย่างเช่น เกษตรกร “จองซื้อข้าวล่วงหน้า” ตอนนี้ ด้วยราคาที่ตกลงกันไว้เพื่อส่งมอบในฤดูเก็บเกี่ยว การตกลงจำนวนเงินล่วงหน้านี้เปรียบได้กับการเทรดฟิวเจอร์ — ถึงแม้ว่าผ่านไปอีก 3–6 เดือน ราคาตลาดอาจจะต่างจากที่ตกลงไว้ก็ตาม สัญญานี้ช่วยให้เกษตรกรบริหารความเสี่ยงราคาข้าว และผู้ซื้อก็กำหนดต้นทุนได้แม่นยำเหมือนสัญญาการซื้อขายล่วงหน้านั่นเอง
การเทรดฟิวเจอร์ คือ การซื้อขายเพื่อหาผลกำไรจากราคาที่เปลี่ยนแปลงขึ้นลง โดยคุณสามารถเปิดและปิดสัญญาได้ตลอดเวลาก่อนหมดอายุ ไม่ต้องรอรับสินค้าจริงๆ แค่ทำกำไรจากส่วนต่างราคาเท่านั้น นี่คือข้อดีสำคัญที่ทำให้การเทรดฟิวเจอร์เป็นเครื่องมือลงทุนที่ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับนักลงทุนทุกระดับ
ความรู้พื้นฐานเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับการเรียนรู้การลงทุนในตลาดอนุพันธ์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้คุณได้เข้าถึงการลงทุนที่หลากหลายและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ทำความเข้าใจ ตลาดอนุพันธ์ และ ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หัวใจสำคัญของการเทรดฟิวเจอร์
ตลาดอนุพันธ์ คือ ตลาดการเงินที่เชี่ยวชาญในการซื้อขายตราสารทางการเงินประเภทพิเศษ ซึ่งมูลค่าของตราสารเหล่านี้ไม่ได้มาจากตัวมันเอง แต่จะ “อนุพันธ์” หรือขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ที่อยู่เบื้องหลัง เปรียบเสมือนเงาที่เกิดจากการสะท้อนของวัตถุจริง ตลาดอนุพันธ์จึงเป็นตลาดที่ซื้อขาย “เงา” ของสินทรัพย์จริงเหล่านั้น
แล้ว ตราสารอนุพันธ์ คืออะไร? มันคือ เครื่องมือทางการเงินที่ได้รับการออกแบบให้มีมูลค่าผูกพันกับสินทรัพย์หลัก ไม่ว่าจะเป็น:
สินค้าโภคภัณฑ์ที่สามารถจับต้องได้
- ทองคำ – Gold Futures, Gold-D Futures, Gold Online Futures
- โลหะเงิน – Silver Online Futures
- น้ำมัน – Brent Crude Oil Futures
- สินค้าเกษตร – ยางพารา, ข้าวโพด, ถั่วเหลือง, ปาล์มน้ำมัน
สินทรัพย์ทางการเงิน
- ดัชนีหุ้น – SET50 Index Futures, ดัชนี S&P 500, Nasdaq
- หุ้น – Single Stock Futures
- สกุลเงิน – USD Futures, FX Futures
- พันธบัตร – พันธบัตรรัฐบาล
- คริปโต – Crypto Futures
ตราสารอนุพันธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดประเภทหนึ่งก็คือ “สัญญาฟิวเจอร์ส” ซึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างนักลงทุนกับโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง
“ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า” หรือ Futures Market คือศูนย์กลางที่เปิดให้คนทั่วไป นักลงทุนสถาบัน หรือเกษตรกรส่งคำสั่งซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์แบบมาตรฐาน อย่างเช่น SET50 Index Futures หรือ Gold Futures ปรากฏอยู่ในตลาดที่มีการควบคุมและกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ
ในประเทศไทย มี TFEX (Thailand Futures Exchange) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อขายฟิวเจอร์สและออปชั่นอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทำงานภายใต้การดูแลของ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) โดยจะมีการเปิดให้ซื้อขายตราสารอนุพันธ์ทั้งหมด 5 ประเภทหลัก ได้แก่
- ตราสารทุน (Equity) – ดัชนีหุ้น SET50, หุ้นรายตัว, ดัชนีหมวดธุรกิจ
- โลหะมีค่า (Precious Metal) – ทองคำ และโลหะเงิน
- ตราสารหนี้ (Interest Rate) – พันธบัตรรัฐบาล และอัตราดอกเบี้ย
- สินค้าเกษตร (Agriculture) – ยางพารา และยางแผ่นรมควันชั้น 3
- อัตราแลกเปลี่ยน (Currency Futures) – USD/THB, EUR/USD, USD/JPY
ความสำคัญของตลาดอนุพันธ์อยู่ที่กลไกพิเศษหลายประการ อันดับแรกคือระบบ Leverage (เลเวอเรจ) ที่อนุญาตให้นักลงทุนสามารถควบคุมสินทรัพย์มูลค่าสูงด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น การเทรด SET50 Futures อาจต้องใช้เงินประกัน (Margin) เพียง 10-15% ของมูลค่าสัญญาทั้งหมด อันดับ 2 คือระบบ Settlement (การชำระราคา) ที่มีความยืดหยุ่น โดยนักเทรดสามารถปิดสัญญาก่อนวันครบกำหนดได้ตลอดเวลา
| หัวข้อเปรียบเทียบ | การลงทุนในสินทรัพย์โดยตรง (เช่น ซื้อหุ้น) | การลงทุนผ่านฟิวเจอร์ส (เช่น SET50 Index Futures) |
|---|---|---|
| ความหมาย | เป็นเจ้าของหุ้นจริง | สัญญาซื้อขายล่วงหน้า |
| เงินลงทุนที่ต้องใช้ | ต้องจ่ายราคาเต็มจำนวน (100%) | วางเพียงเงินหลักประกัน (5-15%) |
| การถือสินทรัพย์ | มีหุ้นในมือจริง | ไม่มีสินทรัพย์จริงในมือ |
| ทิศทางการทำกำไร | ทำกำไรได้เฉพาะตลาดขาขึ้น | ทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง |
| เลเวอเรจ | ไม่มี (1:1) | สูง (5-20 เท่า) |
| เงินหลักประกัน | ไม่ต้องวางหลักประกัน | ต้องวางหลักประกันขั้นต้น |
| การชำระราคา | ชำระเงินเต็มจำนวนทันที | ชำระส่วนต่างราคา (Cash Settlement) |
| ความเสี่ยง | ความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง | ความเสี่ยงสูง (จาก Leverage) |
| วันหมดอายุ | ไม่มีวันหมดอายุ | มีวันหมดอายุตามสัญญา |
| ผลตอบแทน | เงินปันผล + กำไรจากราคา | กำไรจากส่วนต่างของราคาเท่านั้น |
การทำความเข้าใจในโครงสร้างตลาดเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญ เพราะจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจว่าเมื่อเทรดฟิวเจอร์แล้ว พวกเขากำลังเข้าร่วมในระบบนิเวศทางการเงินที่ซับซ้อนและมีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ไม่ใช่การเสี่ยงโชคแบบไม่มีกฎเกณฑ์ การมี TFEX เป็นผู้ดูแลช่วยให้มั่นใจได้ว่าการซื้อขายจะเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม พร้อมมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม
วิเคราะห์ ตราสารอนุพันธ์ ความเสี่ยง และกลยุทธ์การซื้อขายฟิวเจอร์สที่มือใหม่ต้องรู้
ตราสารอนุพันธ์เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนแต่ทรงพลัง ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนสูงได้หากใช้อย่างถูกต้อง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมากขึ้น มือใหม่ควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า สำหรับตราสารอนุพันธ์ ความเสี่ยงที่ตามมานั้นคืออะไรบ้าง เพราะการเข้าใจถึงความเสี่ยงเหล่านี้และเรียนรู้กลยุทธ์การจัดการอย่างเป็นระบบจะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นเทรดฟิวเจอร์สได้อย่างปลอดภัย
1. ความเสี่ยงจาก Leverage
Leverage เป็นคุณสมบัติสำคัญของตราสารอนุพันธ์ที่ให้นักลงทุนสามารถควบคุมมูลค่าสินทรัพย์สูงด้วยเงินลงทุนที่น้อยกว่า การใช้เงินหลักประกันเพียงบางส่วนของมูลค่าสัญญาทำให้สามารถทำกำไรได้มากเมื่อราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางที่คาดการณ์
อย่างไรก็ตาม Leverage นั้นเปรียบเสมือนดาบสองคม เมื่อราคาเคลื่อนไหวสวนทิศทางก็สามารถสร้างความสูญเสียได้อย่างรวดเร็วและมากกว่าเงินลงทุนเริ่มต้น ตัวอย่างเช่น หากใช้ Leverage 10 เท่า การเปลี่ยนแปลงของราคาเพียง 1% จะส่งผลให้กำไรหรือขาดทุน 10% ซึ่งในกรณีที่รุนแรงอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่เรียกว่า “พอร์ตแตก” หรือ การสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
2. ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
ตราสารอนุพันธ์มักมีความผันผวนของราคาสูงกว่าสินทรัพย์อ้างอิงเนื่องจากผลกระทบของ Leverage และปัจจัยทางจิตวิทยาของนักเทรด ทำให้ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด ความผันผวนเหล่านี้ทำให้การคาดการณ์ทิศทางและการบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของราคาที่รุนแรงอาจเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาสั้น ซึ่งหากนักลงทุนไม่ได้เตรียมแผนรองรับไว้ก็อาจจะทำให้เผชิญกับการสูญเสียที่รุนแรงได้
3. ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องอาจเกิดขึ้นเมื่อตลาดมีการซื้อขายน้อย ทำให้นักเทรดไม่สามารถปิดสถานะได้ในราคาที่ต้องการ หรือต้องรอนานกว่าจะหาคู่ค้าได้ ความเสี่ยงนี้มักเกิดขึ้นมากในช่วงเวลาที่ตลาดปิด หรือในสัญญาที่ไม่ได้รับความนิยม
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ Funding-liquidity Risk ที่เกิดจากกระแสเงินสดเข้าและออกไม่สอดคล้องกัน และ Market-liquidity Risk ที่เกิดจากการไม่สามารถซื้อขายได้ในราคาที่เหมาะสม ในบางกรณี นักลงทุนก็ไม่สามารถปิดสถานะได้ทันเวลาเมื่อตลาดมีการผันผวนสูง หรือต้องยอมรับราคาที่ไม่เป็นประโยชน์เพื่อออกจากสถานะดังกล่าว
กลยุทธ์การใช้ฟิวเจอร์สอย่างมีประสิทธิภาพ
การซื้อขายฟิวเจอร์ส (futures) สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลยุทธ์หลักๆ ที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างกัน แต่ละกลยุทธ์เหมาะสมกับนักลงทุนประเภทที่แตกต่างกันและมีระดับความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน
- การป้องกันความเสี่ยง (Hedging) — เป็นกลยุทธ์สำหรับผู้ที่มีสินทรัพย์อยู่แล้วและต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่ถือพอร์ตหุ้นมูลค่า 1 ล้านบาท อาจขายฟิวเจอร์ส SET50 เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของตลาดหุ้น หากตลาดหุ้นลดลง 10% พอร์ตหุ้นจะขาดทุน 100,000 บาท แต่ฟิวเจอร์สที่ขายไว้จะทำกำไร 100,000 บาท ทำให้ผลรวมคงที่
- การเก็งกำไร (Speculation) — เป็นกลยุทธ์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากการคาดการณ์ทิศทางของราคา โดยไม่มีสินทรัพย์อ้างอิงในมือ นักเก็งกำไรจะซื้อฟิวเจอร์สเมื่อคาดว่าราคาจะขึ้น หรือขายฟิวเจอร์สเมื่อคาดว่าราคาจะลง กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูงกว่า Hedging แต่ก็มีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าเช่นกัน
วิธีเทรดฟิวเจอร์เบื้องต้น: 5 ขั้นตอนง่ายๆ
ขั้นตอนที่ 1: เปิดบัญชีซื้อขายอนุพันธ์
เริ่มต้นด้วยการเลือกบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตซื้อขายอนุพันธ์ จัดเตรียมเอกสารที่จำเป็น ได้แก่ บัตรประชาชน สมุดบัญชีธนาคาร และหลักฐานการมีรายได้ บริษัทหลักทรัพย์จะประเมินความเหมาะสมและความรู้ด้านการลงทุนก่อนอนุมัติบัญชี
ขั้นตอนที่ 2: วางเงินประกัน (Margin)
โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อใช้เป็นเงินประกัน เงินประกันเริ่มต้น (Initial Margin) แตกต่างกันไปตามประเภทสัญญา เช่น SET50 Futures อาจต้องใช้เงินประกันประมาณ 15,000-20,000 บาทต่อสัญญา ต้องแน่ใจว่ามีเงินพอสำหรับรักษาระดับเงินประกัน (Maintenance Margin)
ขั้นตอนที่ 3: วิเคราะห์และเลือกสัญญา
ศึกษาข้อมูลสัญญาต่างๆ ที่มีในระบบ วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคของสินทรัพย์อ้างอิง เลือกสัญญาที่เหมาะสมกับกลยุทธ์และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ พิจารณาปริมาณการซื้อขายและ Spread ระหว่างราคาเสนอซื้อและขาย
ขั้นตอนที่ 4: ส่งคำสั่งซื้อ/ขาย
ใช้โปรแกรมซื้อขายที่บริษัทหลักทรัพย์จัดหาให้ ระบุประเภทคำสั่ง (Market Order หรือ Limit Order) กำหนดราคาและจำนวนสัญญา ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อนยืนยันคำสั่ง เมื่อคำสั่งถูกจับคู่แล้ว จะได้รับการแจ้งเตือนทันที
ขั้นตอนที่ 5: ติดตามและปิดสถานะ
ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาและสถานะการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เมื่อถึงเป้าหมายกำไรหรือระดับ Stop Loss ให้ปิดสถานะทันที อย่าปล่อยให้สถานะค้างไว้จนใกล้วันครบกำหนด เพราะอาจจะต้องมีการรับมอบสินค้าจริง
การเรียนรู้การเทรดฟิวเจอร์ต้องอาศัยความอดทน การฝึกฝน และการสะสมประสบการณ์ เราจึงขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการทดลองเทรดบนระบบจำลองก่อน และใช้เงินทุนเพียงเล็กน้อยในช่วงแรก เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงทักษะอย่างต่อเนื่อง
เจาะลึกการ เทรดฟิวเจอร์ คริปโต: รีวิว ข้อดี ข้อเสีย โอกาสและความท้าทายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
การเทรดฟิวเจอร์ คริปโต เป็นรูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมายถึงการเทรดสัญญาฟิวเจอร์ที่อ้างอิงกับราคาสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum, หรื สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ โดยมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากการเทรดฟิวเจอร์ในตลาดดั้งเดิมอย่างชัดเจน
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือ การที่ตลาดคริปโตเปิดทำการ 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่เหมือนตลาดหุ้นที่มีเวลาเปิด-ปิดที่แน่นอน สิ่งนี้ทำให้นักเทรดสามารถเข้าและออกจากตลาดได้ตลอดเวลา ตอบสนองต่อข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ ได้ทันที
นอกจากนี้ ตลาดคริปโตยังมี Perpetual Futures (สัญญาฟิวเจอร์สไม่หมดอายุ) ซึ่งเป็นสัญญาที่ไม่มีวันครบกำหนด ทำให้นักเทรดสามารถถือสถานะได้นานเท่าที่ต้องการโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการต่อสัญญาแต่อย่างใด
กลไกพิเศษของ Perpetual Futures คือระบบ Funding Rate ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่จ่ายระหว่างผู้ที่ถือสถานะ Long และ Short เพื่อให้ราคาฟิวเจอร์สใกล้เคียงกับราคาแบบสปอตของสกุลเงินดิจิทัล เมื่อตลาดมีการเก็งกำไรขาขึ้นมากเกินไป ผู้ถือสถานะ Long จะต้องจ่าย Funding Rate ให้ผู้ถือสถานะ Short (และในทางกลับกันเช่นกัน)
ข้อดีและข้อเสียของการ เทรดฟิวเจอร์ คริปโต
การเล่น Future เป็นเทคนิคการเทรดแบบขั้นสูงที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่นักลงทุนทุกคนควรทราบและนำไปพิจารณา ดังนี้
ข้อดี:
- นักลงทุนสามารถทำเงินจากการเก็งกำไรของราคาเหรียญ
- สามารถนำไปใช้กับเครื่องมืออื่นที่จะช่วยเพิ่มกำไรมากขึ้นได้
- สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายที่อาจจะมีในอนาคต เช่น อัตราแลกเปลี่ยนประจำวัน
ข้อด้อย:
- ไม่สามารถนำไปใช้กับเหรียญบางประเภท เช่น เหรียญพรีเซล
- ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เพราะผู้ให้บริการมักจะกำหนดเงื่อนไขว่าสัญญาฟิวเจอร์จะต้องมีค่า Leverage ตั้งแต่ 1:10 เป็นต้นไป
- เป็นการเทรดที่มีความเสี่ยงสูงมากและเงินลงทุนอาจสูญทั้งหมดหากทิศทางของราคาได้สวนทางกับที่นักลงทุนได้คาดการณ์เอาไว้
โอกาสจากการเทรดฟิวเจอร์คริปโต
1. สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
การเทรดฟิวเจอร์คริปโตเปิดโอกาสให้นักลงทุนทำกำไรได้ในทุกสถานการณ์ตลาด ไม่ว่าราคาจะเคลื่อนไหวขึ้นหรือลง
- Long Position: เปิดสัญญาที่คาดว่าราคาอ้างอิงจะปรับตัวสูงขึ้น
- Short Position: เปิดสัญญาที่คาดว่าราคาอ้างอิงจะปรับตัวลดลง
นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถทำได้หากถือสกุลเงินดิจิทัลจริงๆ ทำให้ความสามารถนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในตลาดคริปโตที่มีความผันผวนสูง
2. ใช้ Leverage ที่สูงได้
ข้อดีสำคัญอีกประการคือการใช้ Leverage ที่สูงได้ โดยทั่วไป Crypto Exchange หลายแห่งเสนอ Leverage สูงถึง 100 เท่า ทำให้นักเทรดสามารถควบคุมสินทรัพย์มูลค่าสูงด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การใช้ Leverage สูงนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นตามไปด้วย
ตัวอย่างการใช้ Leverage:
- เงินทุน: $1,000
- Leverage 10x: สามารถเปิดสถานะ Long มูลค่า $10,000
- หากราคาเพิ่มขึ้น 2.36%: กำไรจะเท่ากับ $236.22 (23.62% ของเงินทุน)
- แต่แน่นอนว่า หากราคาลดลง การขาดทุนก็จะสูงเช่นกัน
3. เทรดได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
ตลาดคริปโตไม่มีการปิดพักในวันหยุดหรือช่วงเวลากลางคืน ดังนั้น การเทรดฟิวเจอร์คริปโตจึงสามารถทำได้ทันทีตลอดเวลา เปิดโอกาสให้ทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องสำหรับนักเทรดสาย Hard Core
4. สามารถทำ Arbitrage โดยรับ Funding Rate ไปด้วยได้
โอกาสการทำกำไรที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาระหว่าง Exchanges ต่างๆ เนื่องจากตลาดคริปโตยังไม่มีการรวมศูนย์เท่าที่ควร ทำให้ราคาของสกุลเงินดิจิทัลเดียวกันอาจจะแตกต่างกันได้ระหว่าง Exchanges ต่างๆ สร้างโอกาสให้นักเทรดที่มีทักษะสามารถใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้ได้
ความเสี่ยงและความท้าทายในตลาดคริปโต
แม้จะมีโอกาสที่น่าสนใจ แต่การเทรดฟิวเจอร์คริปโตมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงกว่าตลาดดั้งเดิมอย่างมากเช่นกัน ความผันผวน (Volatility) ของตลาดคริปโตสามารถรุนแรงถึงขนาดที่ราคาสกุลเงินดิจิทัลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ 20-30% ในวันเดียว และอาจสูงถึง 50-70% ในช่วงที่มีข่าวสำคัญๆ
ความเสี่ยงจากการใช้ Leverage ที่สูงเป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เมื่อใช้ Leverage ถึง 100 เท่า การเปลี่ยนแปลงของราคาเพียง 1% ในทิศทางตรงกันข้ามสามารถทำให้สูญเสียเงินทุนทั้งหมดไปได้ สถานการณ์ที่เรียกว่า “Liquidation” (การบังคับชำระบัญชี) สามารถเกิดขึ้นได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที
ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ การแฮกของ Crypto Exchange, ปัญหาเทคนิคของระบบ, หรือแม้แต่การหยุดทำงานชั่วคราวสามารถส่งผลกระทบต่อการเทรดได้อย่างมาก นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางกฎหมายและการควบคุมจากรัฐบาลต่างๆ ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ต้องจ้บตาดูให้ดีอีกด้วย
การบริหารความเสี่ยงและการเลือก Exchanges ที่เหมาะสม
ความสำคัญของการเลือก Exchange ที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยคือสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ Exchange ที่ดีควรมีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เชื่อถือได้ มีระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และมีประวัติการดำเนินงานที่โปร่งใส การตรวจสอบข้อมูลเรื่องสภาพคล่องของ Exchange ปริมาณการซื้อขาย และการรีวิวจากผู้ใช้งานเป็นสิ่งที่ควรทำก่อนตัดสินใจ
การเลือกแพลตฟอร์มเทรดที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง Exchange ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับ เช่น:
- Binance: Exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยปริมาณการซื้อขาย 7.6 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อวัน
- Coinbase: เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น มีการกำกับดูแลที่ดี
นอกจากนี้ การจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพก็ถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารความเสี่ยง การใช้ Digital Wallet (กระเป๋าเงินดิจิทัล) ที่ปลอดภัย เช่น Best Wallet ในการเก็บสินทรัพย์คริปโตส่วนใหญ่ไว้นอก Exchanges และโอนเงินเข้า Exchange เฉพาะเมื่อจำเป็นต้องเทรดเป็นกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่สำคัญ วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการที่ Exchange อาจถูกแฮกหรือมีปัญหาทางเทคนิคได้
นอกจากนี้ การกำหนดกฎเกณฑ์การเทรดที่เข้มงวด เช่น การไม่ใช้ Leverage เกิน 10 เท่าสำหรับมือใหม่ การตั้ง Stop Loss ที่ไม่เกิน 2-3% ของเงินทุน และการไม่เทรดเกิน 5% ของพอร์ตในครั้งเดียว เป็นแนวทางที่จะช่วยให้การเทรดฟิวเจอร์คริปโตเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงที่ควบคุมได้
การเทรดฟิวเจอร์คริปโตเป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีศักยภาพสูง แต่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และการบริหารความเสี่ยงที่ดี ผู้ที่สนใจควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาให้ถี่ถ้วน ทดลองใช้บัญชีเดโมก่อน และใช้เงินทุนเพียงส่วนเล็กๆ ที่สามารถยอมรับการสูญเสียได้
สรุปส่งท้าย
การเทรดฟิวเจอร์ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการทำกำไรในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นศาสตร์แห่งการบริหารความเสี่ยงและวางกลยุทธ์ที่ต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในยุคที่คริปโตกลายเป็นสินทรัพย์ที่ผันผวนสูง การรู้จักใช้เครื่องมือนี้อย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณเปลี่ยนความเสี่ยงให้เป็นโอกาส
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้น หรือกำลังมองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน การเทรดฟิวเจอร์ถือเป็นทักษะสำคัญที่ควรเรียนรู้ไว้ เพราะในโลกการเงินที่หมุนเร็วและแข่งขันสูง ความรู้ที่เฉียบคมและการตัดสินใจที่รอบคอบเท่านั้น ที่จะทำให้คุณอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรดฟิวเจอร์