Visa เอาจริง! ประกาศหนุน stablecoin เพิ่มบน 4 บล็อกเชนใหม่

Visa ยักษ์ใหญ่ด้านการชำระเงินระดับโลก สร้างแรงสั่นสะเทือนให้วงการคริปโตอีกครั้ง ด้วยการประกาศแผนขยายการรองรับเหรียญ stablecoin เพิ่มเติมอีก 4 สกุลบน 4 บล็อกเชนที่แตกต่างกัน
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ตอกย้ำความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของ Visa ต่อเหรียญ stablecoins ในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างโลกการเงินแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยบริษัทได้อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมคริปโตและ stablecoins มาตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งการขยายตัวครั้งนี้อาจส่งผลดีต่อระบบนิเวศของบล็อกเชนชั้นนำอย่าง Solana ด้วย
Visa เดินเกมรุก! ขยายการรองรับ Stablecoin สู่ 4 บล็อกเชนใหม่
Ryan McInerney ซีอีโอของ Visa ได้เปิดเผยในระหว่างการประชุมรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ว่าบริษัทจะ “เพิ่มการสนับสนุน stablecoin 4 สกุลที่ทำงานบน 4 บล็อกเชนที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งเป็นตัวแทนของสองสกุลเงินที่เราสามารถรับและแปลงเป็นสกุลเงิน fiat แบบดั้งเดิมได้มากกว่า 25 สกุล”
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ stablecoins หรือเครือข่ายบล็อกเชนที่จะเพิ่มเข้ามา แต่การอัปเดตนี้เป็นการต่อยอดจากการรองรับที่มีอยู่เดิม ซึ่งปัจจุบัน Visa รองรับ USDC และ Euro Coin (EURC) ของ Circle, PYUSD ของ PayPal และ Global Dollar (USDG) บนเครือข่าย Ethereum, Solana, Stellar และ Avalanche
McInerney เน้นย้ำถึง “แรงผลักดันที่น่าจับตาเป็นพิเศษ” ในภาคส่วนนี้ โดยเปิดเผยว่า Visa ได้อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมคริปโตและ stablecoins ไปแล้วกว่า 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2020
นอกจากนี้ บริการบัตรที่เชื่อมโยงกับ stablecoins ยังมียอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบเป็นรายปี และเครือข่ายการชำระบัญชีด้วย stablecoins ของบริษัทก็มีปริมาณธุรกรรมต่อปีทะลุ 2,500 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด
เจาะลึกบทบาท Stablecoin และแผนต่อไปของ Visa
Visa ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นผู้ให้บริการชำระเงิน แต่กำลังขยายบทบาทในฐานะสะพานเชื่อมให้ธนาคารต่างๆ สามารถเข้ามาในระบบนิเวศของ stablecoins ได้ง่ายขึ้น ผ่านโครงการนำร่อง Visa Direct ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน ซึ่งช่วยให้สถาบันการเงินสามารถโอนเงินข้ามพรมแดนล่วงหน้าโดยใช้ USDC และ EURC
McInerney กล่าวว่าเฟสต่อไปจะมุ่งเน้นไปที่การให้ความสามารถแก่ธนาคารในการสร้าง (mint) และทำลาย (burn) stablecoins ของตนเองโดยใช้แพลตฟอร์มสินทรัพย์โทเคนของ Visa พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเคลื่อนย้ายเงินข้ามพรมแดนผ่าน Visa Direct
“ยังมีอะไรอีกมากที่จะตามมา” McInerney บอกกับนักลงทุน ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Visa ตั้งใจที่จะผลักดันให้ stablecoins กลายเป็นช่องทางการชำระเงินหลักสำหรับการค้าทั่วโลก สอดคล้องกับข้อมูลอุตสาหกรรมที่ระบุว่าธุรกรรม stablecoin ทั่วโลกพุ่งสูงถึง 46 ล้านล้านดอลลาร์ ตอกย้ำบทบาทในฐานะองค์ประกอบที่เติบโตเร็วที่สุดของระบบการเงินดิจิทัล
คู่แข่งมาแรง! Western Union จับมือ Solana เปิดตัว Stablecoin ของตัวเอง
ในขณะเดียวกัน Western Union ก็กำลังก้าวเข้าสู่ตลาด stablecoin ด้วยแผนการเปิดตัว US Dollar Payment Token (USDPT) บนบล็อกเชน Solana ในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 โทเคนดังกล่าวซึ่งออกโดย Anchorage Digital Bank จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถโอนเงินทั่วโลกด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำลงและเวลาชำระเงินที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
Devin McGranahan ซีอีโอของ Western Union อธิบายว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นการสานต่อภารกิจ 175 ปีของบริษัทในการทำให้การโอนเงินง่ายขึ้น โดยครั้งนี้ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาช่วย เขาเสริมว่า Solana ถูกเลือกเพราะความเร็ว ความสามารถในการขยายขนาด และค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจการโอนเงินที่มีปริมาณมหาศาลของบริษัท
หาก USDPT ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ก็อาจผลักดันให้การใช้ stablecoins ขยายตัวจากการซื้อขายคริปโตไปสู่การชำระเงินในชีวิตประจำวัน การชำระบิล และการค้าข้ามพรมแดน ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสู่การยอมรับดอลลาร์ดิจิทัลในกระแสหลัก
SpacePay อีกเหรียญใหม่อนาคตไกล ที่จะเข้ามาปฏิวัติวงการชำระเงิน
SpacePay โครงการจากลอนดอน ที่มุ่งนำคริปโตเคอร์เรนซีสู่การชำระเงินในชีวิตประจำวัน โดยระดมทุนช่วง Presale ได้ราว 1.5 ล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งโครงสร้างของโปรเจกต์เหรียญใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานจริงมากกว่าการเก็งกำไร

แพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้ร้านค้าสามารถรับชำระด้วยคริปโตผ่านเครื่อง POS Android ที่มีอยู่เดิม โดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ใหม่ และร้านค้าจะได้รับเงินสกุลท้องถิ่น “ทันที” เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาคริปโต โดยมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมอยู่ที่ 0.5% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมาก
SpacePay รองรับกระเป๋าคริปโตกว่า 325 แอปพลิเคชัน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถชำระเงินด้วยคริปโตได้สะดวก ส่วนทางร้านค้าก็เพียงแค่อัปเดตซอฟต์แวร์บนเครื่อง POS Android เดิม ก็พร้อมใช้งานได้ทันที
เหรียญ $SPY ทำหน้าที่เป็นโทเคนกำกับดูแลและให้รางวัล กล่าวคือ ผู้ถือเหรียญจะมีสิทธิ์ร่วมโหวตและรับผลตอบแทนจากแพลตฟอร์มนั่นเอง ส่วนการระดมทุนช่วง Presale ก็เปิดรับหลายสกุลเงิน ทั้ง ETH, BNB, MATIC, AVAX, USDT, USDC รวมถึงบัตรเครดิต
โครงการนี้มีระบบ MVP ที่ใช้งานได้จริงแล้ว และกำลังขยายตลาดสู่ร้านค้าทั่วโลก โดยมีแผนปิดระดมทุน Presale และเปิดตัวระบบชำระคริปโตกับร้านค้าในไตรมาส 4 ปี 2025 พร้อมขยายการใช้งานไปยังเครื่อง POS กว่า 4.5 ล้านเครื่องทั่วโลก และเปิดตัวฟีเจอร์ Loyalty & Rewards รวมถึงระบบ Governance ผ่านเหรียญ $SPY ในปี 2026 นี่จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าจับตาในการนำคริปโตมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นรูปธรรม
- เว็บไซต์ทางการของ SpacePay: เว็บไซต์ทางการ
- ติดตามใน: X
- ช่องทาง: Telegram