เจาะลึก! Bitcoin จะโดนเทแรงหรือไม่หากหลุดเป้า mNAV ของ Strategy

ประโยคเด็ดอย่าง “Never sell your Bitcoin” ที่เปรียบเสมือนคติประจำใจของ Michael Saylor อาจกำลังสั่นคลอน เมื่อ Strategy (อดีต MicroStrategy) ออกมายอมรับว่าอาจจำเป็นต้องเทขาย Bitcoin หากสถานการณ์บีบบังคับ ข่าวนี้สร้างแรงกระเพื่อมให้นักลงทุนต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดคริปโต
วิเคราะห์ Bitcoin เสี่ยงโดนเท? เจาะลึกสาเหตุ Strategy ปรับแผน
สถานการณ์ล่าสุดของ Strategy เริ่มส่งสัญญาณตึงเครียด เมื่อบริษัทประกาศตั้งเงินสำรองมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อรองรับการจ่ายเงินปันผลและดอกเบี้ย ซึ่งมาจากการลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือการปรับลดคาดการณ์รายได้ (Earnings Guidance) ลงอย่างฮวบฮาบ จากเดิมที่เคยมองว่า Bitcoin จะแตะ 150,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2025 เหลือเพียงกรอบ 85,000 ถึง 110,000 ดอลลาร์เท่านั้น
ตัวเลขที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้สถานะทางการเงินของ Strategy พลิกผัน จากที่เคยคาดว่าจะทำกำไรสุทธิถึง 24 พันล้านดอลลาร์ อาจกลายเป็นขาดทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์ หรือกำไรเพียง 6.3 พันล้านดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับราคา Bitcoin ในขณะนั้น ตัวเลขความผันผวนนี้ทำให้นักวิเคราะห์ต้องจับตาดูอัตราส่วน mNAV (มูลค่าตลาดต่อการถือครอง Bitcoin) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1.13 อย่างใกล้ชิด
Phong Le ซีอีโอของบริษัทได้กล่าวในพอดแคสต์ล่าสุดอย่างชัดเจนว่า “เราสามารถขาย Bitcoin และเราจะขาย Bitcoin หากจำเป็นต้องหาเงินมาจ่ายเงินปันผลในกรณีที่ mNAV ต่ำกว่า 1x” คำพูดนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่ายุคแห่งการถือครองแบบไม่มีที่สิ้นสุดอาจมีข้อยกเว้น หากแรงกดดันทางการเงินมาถึงขีดสุด
ปรากฏการณ์ Bitcoin เจ้าตลาด: บทเรียนจากทฤษฎี “คนขายไข่”

ในโลกโซเชียลมีเดียมีการเปรียบเทียบสถานการณ์ของ Strategy กับทฤษฎี “คนขายไข่” (Egg Guy) โดยบัญชี @Derivatives_Ape บน X เล่าเรื่องราวของชายที่กว้านซื้อไข่ตั้งแต่ราคา 1 ดอลลาร์ไปจนถึง 20 ดอลลาร์ แต่เมื่อเขาต้องการขายไข่ทั้งหมดกลับพบว่าไม่มีใครซื้อ เพราะเขาคือ “คนขายไข่” เพียงคนเดียวในตลาด ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงของการที่ Strategy ถือครอง Bitcoin ไว้มากถึง 3% ของอุปทานทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบนี้อาจไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด เพราะปัจจุบันตลาด Bitcoin มีผู้เล่นรายใหญ่หน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพ โดยเฉพาะกองทุน Bitcoin ETF จากยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock และ Fidelity ที่เข้ามาช่วยพยุงราคาและสร้างสภาพคล่อง ทำให้โครงสร้างตลาดมีความแข็งแกร่งกว่าในอดีต และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพา Strategy เพียงรายเดียว
เจาะลึกอนาคต Bitcoin: ผู้เชี่ยวชาญเตือนสัญญาณอันตราย
Javed Khattak ผู้ร่วมก่อตั้ง cheqd ให้มุมมองกับ Cryptonews ว่าหากมูลค่าตลาดของ Strategy ลดลงต่ำกว่าสินทรัพย์ที่ถือครอง จะทำให้กลไกการกู้ยืมเพื่อซื้อ Bitcoin เพิ่มทำได้ยากขึ้น แม้บริษัทจะเคยผ่านวิกฤตปี 2022 ที่ราคา Bitcoin ร่วงจาก 48,000 เหลือ 16,000 ดอลลาร์มาได้ แต่บริบทในปัจจุบันนั้นต่างออกไป เพราะนักลงทุนมีทางเลือกอื่นอย่าง Spot BTC ETF ทำให้หุ้นของ Strategy ไม่ใช่ทางเลือกเดียวในการลงทุน Bitcoin อีกต่อไป
ความเสี่ยงที่น่ากังวลคือหาก Strategy ตัดสินใจเทขาย Bitcoin จริง แม้จะเป็นเพียงเพื่อสภาพคล่อง แต่จะส่งผลทางจิตวิทยาต่อตลาดอย่างรุนแรง Khattak เตือนว่า “หากผู้ถือครองรายใหญ่ที่สุดขายออกมา ตลาดอาจตีความว่าเป็นสัญญาณของความตึงเครียด” ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดการเทขายตามกัน (Panic Sell) จนราคาร่วงหนักกว่าปริมาณที่ขายจริงเสียอีก
มุมมองบวก Bitcoin ยังแกร่ง! แม้ Strategy เผชิญแรงกดดัน
ในทางตรงกันข้าม Pierre Rochard ซีอีโอของ The Bitcoin Bond Company มองว่า Strategy จะตกอยู่ในอันตรายทางการเงินจริงๆ ก็ต่อเมื่อเกิดภาวะงบประมาณรัฐเกินดุลและหนี้สาธารณะลดลง ซึ่งเป็นไปได้ยากในปัจจุบัน เขามองว่าตราบใดที่มีการพิมพ์เงิน Fiat ออกมา Bitcoin จะยังคงได้รับแรงหนุนในเชิงโครงสร้างต่อไป

Rochard ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า ตลาด Bitcoin ผ่านการตื่นตระหนกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนตลอด 16 ปี จากมูลค่าศูนย์สู่ล้านล้านดอลลาร์ ไม่ว่า Strategy จะขายหรือไม่ ความผันผวนก็เป็นเรื่องปกติของตลาดนี้ แม้หุ้น Strategy อาจร่วงลง 51% ในปีที่ผ่านมาสวนทางกับราคา Bitcoin ที่ยังทรงตัว แต่ในระยะยาว Sentiment ของตลาดมักจะปรับตัวตามความเป็นจริงเสมอ
ที่มา:
https://cryptonews.com/exclusives/in-depth-will-bitcoin-crash-if-strategy-starts-selling