วิธีเทรดคริปโตสำหรับมือใหม่ – อัพเดท ธันวาคม 2025
เทรดคริปโต ไม่ยากอย่างที่คิด! ตลาดสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเป็นตลาดที่มีความยืดหยุ่นสูง ถึงแม้ว่าเราจะเห็นข่าวเกี่ยวกับข้อกฎหมายมาบ่อยครั้ง ราคาของบิทคอยน์ที่เป็นสกุลเงินหลักลดลง แต่ก็ดีดตัวกลับมาได้ในทุกครั้ง ซึ่งในตอนนี้แนวโน้มว่าราคาจะสูงถึง 60,000 ดอลลาร์ภายในปี 2024 อีกด้วย
ดังนั้นแล้ว ตลาดคริปโตจึงมีผู้คนเริ่มเข้ามาให้ความสนใจกันมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยี blockchain ที่ปลอดภัย หรือยูทิลิตี้ของโครงการ รวมไปถึงแผนการพัฒนาล้วนน่าสนใจทั้งสิ้น
บทความนี้เราจะแนะนำวิธี เทรดคริปโต มือใหม่ก็ทำตามได้ไม่ยาก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่กำลังมองหาคู่มือเป็นตัวช่วย และกลยุทธ์ที่สามารถทำตามได้เบื้องต้น
- ในบทความนี้
- ในบทความนี้
- เปิดดูทั้งหมด
การเทรดคริปโตคืออะไร?
ก่อนที่เราจะเจาะลึกเกี่ยวกับการเทรดคริปโต มาดูกันก่อนว่าตอนนี้เหรียญยอดนิยมในตลาดมีอะไรบ้าง ตารางด้านล่างนี้จะแสดงราคาและการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้คุณเห็นภาพรวมการเคลื่อนไหวของตลาดคริปโตก่อนทำความเข้าใจแบบเจาะลึกว่ามันคืออะไร
| Bitcoin (BTC) | Ethereum (ETH) | Xrp (XRP) | |
|---|---|---|---|
| Coin Price | $88,381.32 | $2,987.69 | $1.93 |
| Price Change 24 hours | ▲ 0.4000% | ▲ 1.2500% | ▲ 3.6600% |
| Price Change 7 days | ▼ -2.32% | ▼ -4.18% | ▼ -5.06% |
| Price Change 1 month | ▼ -3.83% | ▼ -2.01% | ▼ -11.99% |
| Price Change 1 year | ▼ -6.44% | ▼ -7.31% | ▼ -9.57% |
คือลักษณะการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งคล้ายกับการซื้อขายหุ้น เพียงแต่สินทรัพย์ที่ทำการแลกเปลี่ยนนี้จะเป็นตัวเลขในการเข้ารหัสผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนที่สามารถปันผลได้ตามเปอร์เซ็นต์ของการ Staking หรือการใช้งานอื่น ๆ
คริปโตเคอร์เรนซีสกุลแรกของโลกคือบิทคอยน์ เกิดขึ้นเมื่อปี 2009 โดยโปรแกรมเมอร์ที่มีนามแฝงว่า Satoshi Nakamoto จากนั้นราคาบิทคอยน์ก็ค่อย ๆ ขยับขึ้นตามกระแสของโลก จนกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงที่สุด และเป็นต้นแบบให้กับสกุลเงินอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นตามมาภายหลัง
การซื้อขายคริปโตมีความปลอดภัยเนื่องจากใช้งานผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้ จึงทำให้แน่ใจได้ว่าการทำธุรกรรมของบุคคลจะถูกบันทึกเอาไว้ทุกอย่าง ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวได้แพร่หลายไปยังสถาบันการเงิน ทำให้บิทคอยน์ รวมไปถึงสกุลเงินอื่น ๆ กลายมาเป็นช่องทางการทำธุรกรรมอีกช่องทางหนึ่งที่สถาบันการเงินหลายแห่งรองรับและใช้งานได้จริง
เทรดคริปโต เริ่มยังไง?
เราจะมาเริ่มด้วยวิธีเริ่มต้นทีละขั้นตอน ซึ่งค่อนข้างง่ายและเป็นการทำทุกอย่างผ่านระบบออนไลน์ทั้งสิ้น
1. ลงทะเบียนบนแพลตฟอร์มตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายคริปโต
ก่อนอื่น คุณต้องเลือกหาแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตโดยเฉพาะ สำหรับการเทรดคริปโต มือใหม่ควรมองหาตลาดที่ใช้งานง่าย เมนูการใช้งานไม่ซับซ้อนมากนัก จากนั้นให้ทำการลงทะเบียนใช้งาน ยกตัวอย่าง Binance หรือ Bitkub

โดยข้อมูลที่จะต้องกรอกสร้างบัญชีควรเป็นข้อมูลที่ใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ อีเมล รวมไปถึงชื่อ นามสกุล เพราะการซื้อขายจะต้องทำการยืนยันตัวตน หรือที่เรียกว่า KYC เพื่อให้ธุรกรรมของคุณเป็นไปด้วยความโปร่งใส ซึ่งบางแพลตฟอร์มจะไม่สามารถทำการซื้อขายได้หากไม่ทำการยืนยันตัวตนเสียก่อน
นอกจากนี้ผู้เทรดเหรียญคริปโตจะต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามที่แพลตฟอร์มกำหนด เช่น อายุ 18 ปีขึ้นไป จะต้องไม่อยู่ในสมณเพศ เป็นต้น การสร้างบัญชีใช้งานอาจใช้เวลาในการตรวจสอบ คุณควรมองหาแพลตฟอร์มที่มีใบอนุญาตและความน่าเชื่อถือก่อนการให้ข้อมูลส่วนตัวใด ๆ
2. ฝากเงินเข้าบัญชีก่อนเทรดคริปโต
หลังจากที่บัญชีของคุณสามารถเข้าใช้งานได้แล้ว ทีนี้ก็สามารถเริ่มฝากเงินเพื่อทำการ เทรดคริปโต ได้เลยทันที
แน่นอนว่าคุณเป็นมือใหม่ และยังไม่มีสินทรัพย์ดิจิทัลใด ๆ ที่อยู่ในการครอบครอง ดังนั้นแล้วช่องทางการชำระเงินของคุณจึงมีเพียงแค่บัตรธนาคาร หรือการโอนผ่านบัญชีเท่านั้น เพื่อให้สะดวกสบายในการใช้งานแพลตฟอร์ม เราแนะนำให้คุณมีบัตรเครดิต/เดบิตที่มีสัญลักษณ์ VISA หรือ Mastercard และทำการเปิดใช้งานซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์เสียก่อน เพื่อให้แพลตฟอร์มสามารถตัดเงินโดยอัตโนมัติ (เรียนรู้วิธีซื้อคริปโตด้วยบัตรเครดิต)
3. เลือกคริปโตที่ต้องการเทรด
เมื่อยอดเงินเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็อาจจะยากขึ้นมาสักเล็กน้อย นั่นก็คือให้คุณเลือกคริปโตที่จะลงทุน การหาข้อมูลเกี่ยวกับสกุลเงินที่จะทำการเทรดนั้นมีหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางการรีวิว การตลาด การพูดถึงบนโซเชียลมีเดีย ล้วนแล้วแต่มีผลต่อการตัดสินใจทั้งสิ้น

การลงทุนบิทคอยน์อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่มีมูลค่าและราคาค่อนข้างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงมีความเสี่ยงน้อยมากที่สุด แต่คุณก็สามารถมองหาเหรียญคริปโตใหม่ ๆที่มี Road map ในการพัฒนาที่น่าสนใจได้ โดยเหรียญเหล่านี้จะสามารถซื้อได้ในราคาที่ต่ำในช่วงรอบพรีเซล
4. เริ่มต้นการเทรดคริปโต
เมื่อแน่ใจแล้วว่าคุณจะลงทุนกับคริปโตโครงการใด ขั้นตอนต่อไปก็ไม่ยากแล้ว
โปรดจำไว้ว่าการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง และคุณควรแน่ใจว่าตัวเองจะสามารถแบกรับความเสี่ยงเหล่านี้ได้ ให้ประเมินความเสี่ยงที่ตัวคุณเองสามารถยอมรับ และเลือกเทรดในโครงการที่เหมาะกับความเสี่ยงที่คุณต้องการมากที่สุด
บางแพลตฟอร์มสามารถซื้อขายกับระบบ หรือซื้อขายระหว่างเทรดเดอร์ด้วยกันขึ้นอยู่กับฟังก์ชันของเว็บดังกล่าว ซึ่งลักษณะการซื้อขายนี้จะเรียกว่า P2P ราคาของเหรียญจะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งมักมีราคาต่ำกว่าราคาตลาด และเน้นซื้อขายในปริมาณมาก
5. เก็บคริปโตของคุณให้ปลอดภัย
เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว คุณก็จะมีคริปโตที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณผ่านกระเป๋าเงินของตนเอง หรือที่เรียกว่าพอร์ต ซึ่งจะแสดงคริปโตที่คุณมีทั้งหมดเอาไว้ โดยที่คุณสามารถจัดการได้ว่าจะเอาไว้เทรดคริปโต ระยะสั้น หรือระยะยาว
หลังจากที่คุณเริ่มถือครองคริปโตแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการเก็บรักษาเหรียญให้ปลอดภัย กระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet) มีทั้งแบบ Hot Wallet ที่ใช้งานง่ายบนมือถือ และ Cold Wallet ที่เน้นความปลอดภัยสูงสำหรับการเก็บระยะยาว หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดี เราได้รวบรวมตัวเลือกกระเป๋าที่ดีที่สุดไว้ในบทความนี้แล้ว
👉 Best Wallet น่าเชื่อถือหรือไม่? รีวิวกระเป๋าคริปโตยอดนิยมที่กำลังมาแรง!
บางแพลตฟอร์มซื้อขายคุณสามารถเข้าไปดูพอร์ตของเทรดเดอร์รายอื่นเพื่อศึกษาแนวทางเพิ่มเติมได้ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายตามแต่ประสบการณ์ของเทรดเดอร์ผู้เป็นเจ้าของพอร์ต บางคนอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ว่าจะทำพอร์ตแบบไหนก็สามารถทำกำไรได้เสมอ กรณีนี้มูลค่าพอร์ตของเขาจะค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว
ตลาดคริปโตทำงานอย่างไร?

🔍 ตลาดคริปโตคืออะไร?
ตลาดคริปโตทำงานคล้ายกับตลาดหุ้น — ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มกลางที่เรียกว่า Exchange (ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโต) ซึ่งราคาขึ้นลงตามอุปสงค์และอุปทานในแต่ละช่วงเวลา
⚙️ ระบบบล็อกเชนคือหัวใจหลัก
ธุรกรรมทุกอย่างของคริปโตถูกเก็บบน บล็อกเชน (Blockchain) — เทคโนโลยีที่บันทึกข้อมูลแบบโปร่งใส ปลอดภัย และไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้
📈 การเคลื่อนไหวของราคาแบบเรียลไทม์
กราฟด้านบนจะแสดงราคาบิทคอยน์แบบเรียลไทม์ เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมความผันผวนในตลาดคริปโต
สรุปง่าย ๆ:
สิ่งใดกำลังขับเคลื่อนตลาดคริปโต?
💭 อะไรทำให้ราคาคริปโตขึ้นลง?
ไม่ใช่แค่กราฟเท่านั้น แต่รวมถึง “อารมณ์ของตลาด” ด้วย!
1. ข่าวสาร (News)
ข่าวดีเช่นการยอมรับจากบริษัทใหญ่ หรือการเปิดตัวเหรียญใหม่ มักดันราคาให้พุ่ง
ในทางกลับกัน ข่าวลบ เช่น การแบนจากรัฐบาล อาจทำให้ราคาตกทันที
โพสต์เดียวจาก Elon Musk เคยทำให้ราคา Dogecoin พุ่งขึ้นหลายเท่าตัว – แสดงให้เห็นว่าความคิดเห็นของอินฟลูเอนเซอร์มีผลอย่างมากต่อราคาคริปโต
3. ความเชื่อมั่นของนักลงทุน (Investor Sentiment)
ถ้าคนส่วนใหญ่เชื่อว่าตลาดกำลังดี ราคาจะขึ้น แต่ถ้าเกิดความกลัว ราคาจะตก — สิ่งนี้เรียกว่า “ตลาดกระทิง” และ “ตลาดหมี”
5 กลยุทธ์การซื้อขายคริปโตยอดนิยม
เทคนิคการเทรดนั้นมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความถนัดส่วนบุคคล และนี่คือ 5 กลยุทธ์ที่เราคัดสรรมาแล้วว่าเหมาะสำหรับมือใหม่ และบางกลยุทธ์เองเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญก็ยังคงใช้งานอยู่ด้วย
1. เดย์เทรด (Day Trading)
วิธีเทรดคริปโตรายวันนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ซื้อมาขายไป ไม่เน้นเก็บ เน้นทำกำไรในระยะสั้น ส่วนใหญ่จะไม่มีการถือครองไว้ข้ามวัน

กลยุทธ์ดังกล่าวนี้เทรดเดอร์ต้องมีเวลาว่างมากพอที่จะติดตามและซื้อขายตลอดทั้งวันในช่วงที่ตลาดเปิด หากคุณมีงานประจำทำอยู่แล้วคงไม่สามารถติดตามกราฟราคาได้ตลอดทั้งวัน ดังนั้นเราจึงไม่ขอแนะนำกลยุทธ์นี้
กราฟที่มักใช้ในการเดย์เทรดคือ กราฟ 4H 1H 30M และ 15M ซึ่งเป็นเซกชั่นสั้น ๆ แต่อย่างไรก็ตามการซื้อขายระยะสั้นนี้อาจทำให้ได้กำไรที่ไม่สูงนักถ้าเทียบกับการถือครองในระยะยาว
2. การซื้อขายตามเทรนด์ (Trend Trading)
อีกหนึ่งวิธีที่เราจะสอนเล่นคริปโตก็คือการเทรดตามเทรนด์ ตามชื่อว่าให้คุณติดตามกระแสและแนวโน้มของสกุลเงินที่กำลังได้รับความนิยม ยกตัวอย่างเช่น หุ้นฟอเร็กซ์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้
การเทรด เหรียญคริปโตตามกระแสดังกล่าวคุณจะสามารถทำกำไรในช่วงระยะหนึ่งได้ดี ถือเป็นการซื้อขายระยะสั้นอีกรูปแบบหนึ่งที่นานกว่าแบบเดย์เทรด โดยคุณสามารถขายออกไปทันทีที่คิดว่านี่คือจุดราคาสูงที่สุดของเหรียญแล้ว ซึ่งจะได้กำไรค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
การมองหาเทรนด์ของเหรียญ มา แรงสามารถติดตามได้จากข่าวสารหรือการพูดถึงในสังคมออนไลน์ หรือติดตามอินฟูลเอนเซอร์ของวงการคริปโตที่ออกมาทำการวิเคราะห์ถึงแนวโน้มของเหรียญที่กำลังเปิดตัวหรือที่มีศักยภาพในการทำกำไร
3. การเทรดฟิวเจอร์ส (Futures Trading)
การเทรดลักษณะนี้ก็ตามชื่อ คือการลงทุนด้วยการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายได้ตกลงกันเอาไว้ เป็นการลงทุนที่ไม่ได้ซื้อเหรียญจริง ๆ

ซึ่งจะแตกต่างจากการซื้อ เหรียญ ico ที่จะมีการมอบเหรียญให้ภายหลัง แต่แบบฟิวเจอร์สคือผู้ซื้อจะไม่ได้ถือครองคริปโตไว้กับตัวเองเลย ข้อดีของการเทรดลักษณะนี้คือมีความปลอดภัยกว่า คือคุณสามารถจำกัดจำนวนสัญญาและการเปลี่ยนแปลงของราคาได้
แต่อย่างไรก็ตาม การเทรดฟิวเจอร์สอาจจะต้องระวังเรื่องของการ Leverage หากคาดการณ์ทิศทางของราคาได้ก็จะเป็นผลดีต่อผู้ซื้อ แต่หากคาดการณ์ผิดอาจทำให้มูลค่าของเงินต้นลดลงจนถึงขั้นติดลบได้เลยทีเดียว
4. HODLing
เป็นการเทรดที่มีความมั่นคงและเชื่อมั่นในตัวเหรียญอย่างมาก คำว่า HODL เป็นศัพท์แสลงของวงการคริปโตที่มาจากคำว่า Hold ที่แปลว่าถือ เป็นกลยุทธ์ที่ไม่ว่าจะเหรียญจะมีราคาตกลงอย่างไรก็จะไม่ยอมขายออกไปเพื่อให้ขาดทุน และเชื่อมั่นว่าราคาของเหรียญจะกลับมาอย่างแน่นอน
กลยุทธ์นี้จะบอกว่ามีความเสี่ยงก็ไม่เชิง ความเชื่อมั่นของราคาเหรียญนั้นต้องให้แน่ใจว่าพวกเขามีศักยภาพเพียงพอที่จะพลิกตลาดกลับมา ซึ่งเรามักจะคุ้นเคยกับคำว่า “ติดดอย” นั่นเอง
หรืออีกนัยยะหนึ่งของกลยุทธ์นี้ก็คือ ถือครองไว้จนกว่าราคาจะมาอยู่ในจุดที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจถือครองบิทคอยน์ไว้จนกว่าราคาจะถึง 80,000 ดอลลาร์ โดยระหว่างทางไม่ว่าตลาดหมีอย่างไรก็จะไม่ยอมขาย และเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งจะถึงราคานี้
5. Dollar-Cost Averaging (DCA)
อีกหนึ่งวิธี เทรดคริปโต ให้ได้กําไรที่ค่อนข้างมั่นคงและเหมาะกับชาวมนุษย์เงินเดือน เป็นรูปแบบของการลงทุนที่เน้นการสะสมทรัพย์ไปเรื่อย ๆ ลงทุนเป็นงวด ๆ สร้างวินัยทางการเงินให้กับเทรดเดอร์ เน้นเพิ่มปริมาณเพื่อกำไรในระยะยาว เป็นเงินเย็นที่ไม่รีบใช้
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาเฝ้ากราฟ หรือติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดมากนัก อีกทั้งยังสามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง ระยะยาว
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับคริปโตแล้วการลงทุนนี้เหมาะสำหรับบิทคอยน์ หรือสกุลเงินทางเลือกหลักอย่างอีเธอเรียม เท่านั้น เพราะเป็นสกุลเงินที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด และมีการใช้งานที่กว้างขวางกว่า
เครื่องมือ เทรดคริปโต มือใหม่ขั้นพื้นฐาน
มือใหม่ควรทราบเกี่ยวกับศัพท์เฉพาะ หรือการใช้งานเครื่องมือของการเทรดพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยให้ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
แนวรับและแนวต้าน (Support and resistance)
เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟราคาในตลาดทุนทั่วไป รวมถึงตลาดคริปโตด้วย
โดย แนวรับ เป็นระดับราคาที่มีแนวโน้มที่ราคาจะลดลงและมีความน่าจะเป็นที่จะหยุดลงต่ำ เป็นระดับราคาที่น่าจะมีผู้ลงทุนหรือผู้ซื้อใหม่มากขึ้นเพื่อสนับสนุนราคาขึ้น
แนวต้าน เป็นระดับราคาที่มีแนวโน้มที่ราคาจะขึ้นสูงขึ้นและมีความน่าจะเป็นที่จะหยุดขึ้นสูงขึ้น เป็นระดับราคาที่น่าจะมีนักลงทุนขายออกมากขึ้น
การวิเคราะห์เรื่องนี้ช่วยให้นักลงทุนหรือนักธุรกิจทำการตัดสินใจว่าจะเทรดระยะสั้นหรือระยะยาวโดยการดูที่ระดับราคาที่เกิดการสนับสนุนและการต้านเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาและการวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายในตลาด
Round numbers
เป็นระดับราคาที่เป็นเลขจำนวนเต็มหรือหลักหน่วยที่สามารถแบ่งออกเป็นหมื่นหรือหลักหน่วย และมักจะมีผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาดเทรดคริปโต ซึ่งอาจจะเป็นระดับราคาที่สร้างอุปสรรคทางจิตใจให้กับนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ โดยทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะขึ้นหรือลงได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรับรองว่า round numbers จะมีผลกระทบในการซื้อขายแต่ละครั้งอย่างแน่นอน
โดยทั่วไปแล้วหลาย ๆ คนมักจะมอง round numbers เหล่านี้เป็นระดับสำคัญที่สามารถใช้ในการตัดสินใจการซื้อขายได้
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving averages)
คือเครื่องมือในการคำนวณค่าเฉลี่ยราคาสุดท้ายของสกุลเงินดิจิทัลในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ เช่น 50 วัน หรือ 200 วัน โดยที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถช่วยในการจำแนกแนวโน้มของราคาว่าเป็นแนวโน้มขึ้นหรือแนวโน้มลงได้ เป็นเครื่องมือที่นักลงทุนนิยมใช้เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการซื้อหรือขายคริปโตและอาจช่วยในการระบุแนวรับและแนวต้านของราคาด้วย
เส้นแนวโน้ม (Trendlines)
คือเส้นที่สร้างขึ้นจากการเชื่อมต่อระดับราคาที่สำคัญในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ เช่น ระดับราคาสูงสุดหรือต่ำสุด หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ของราคา เพื่อช่วยในการจำแนกแนวโน้มของราคาว่าขึ้นหรือลง เป็นแนวรับหรือแนวต้านได้
รูปแบบกราฟ
อีกหนึ่งเครื่องมือการเทรด ค ริ ป โต มือใหม่ ที่จะเกิดขึ้นบนกราฟราคาของสินทรัพย์ ซึ่งสามารถช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและการทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตได้ โดยมีหลายรูปแบบที่มีลักษณะเด่นในช่วยในการจำแนกแนวโน้มของตลาด เช่น การรวมกันของราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุดในระยะเวลาที่กำหนด
โดยประเภทของรูปแบบกราฟแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้
- รูปแบบเทรนด์ – เป็นรูปแบบที่มีแนวโน้มว่าจะไปในทิศทางเดิม มักเกิดขึ้นหลังจากมีการสะสมราคาในระยะสั้น
- รูปแบบกลับตัว – เป็นรูปแบบที่แสดงถึงว่าเทรนด์อาจกำลังสิ้นสุดลง และกำลังไปในทิศทางตรงกันข้าม
- รูปแบบ Sideway – เป็นรูปแบบที่แสดงว่ายังไม่ได้กำหนดทิศทาง อาจมีความผันผวนที่รุนแรง นักลงทุนควรเตรียมตัวเฝ้าระวัง
สรุป
การเทรดคริปโต เป็นตลาดที่ค่อนข้างใหม่สำหรับนักลงทุน และค่อย ๆ มีบทบาทอย่างช้า ๆ และมีโครงการเป็นจำนวนมากที่น่าสนใจ ด้วยการทำธุรกรรมที่ปลอดภัยทำให้เทคโนโลยีบล็อกเชนถูกนำมาใช้ในสถาบันทางการเงินหลายแห่ง อีกทั้งตลาดคริปโตยังเป็นตลาดที่มีความยืดหยุ่นสูง สังเกตได้ว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วทุกครั้งที่มีข่าวด้านลบจึงทำให้มีผู้สนใจที่จะลงทุนในตลาดนี้กันมากขึ้น
บทความของเราเหมาะสำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาวิธีการเทรดเบื้องต้น ซึ่งผู้ที่เป็นเทรดเดอร์จำเป็นจะต้องติดตามข้อมูลข่าวสารและอัปเดตอยู่ตลอดเวลา เพราะเศรษฐกิจ ข่าวสาร ทุกอย่างล้วนมีผลต่อราคาของเหรียญทั้งสิ้น
คำถามที่พบบ่อย
การเทรดคริปโตคืออะไร ?
การเทรด เหรียญคริปโตคือการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล คล้ายกับหุ้น เพียงแต่สกุลเงินดิจิทัลเป็นการเข้ารหัสที่มีความปลอดภัยสูง และมีทิศทางในการพัฒนาที่อิสระกว่า
วิธีอ่านกราฟซื้อขายคริปโต
กราฟจะมีหลายรูปแบบที่สามารถอ่านได้ หลัก ๆ กราฟจะแสดงเวลาเปิดและเวลาเปิด โดยเวลาเปิดจะเป็นเส้นสีเขียว และเวลาปิดเป็นสีแดง จะมีเส้นกำหนดเวลาแบบ 15 นาที 30 นาที 1 ชั่วโมง หรือ 4 ชั่วโมงตามความต้องการของผู้ดู
หากกราฟสีเขียวขึ้นจุดสูงนั่นคือราคาสูงที่สุดตอนเปิด และจุดที่ต่ำสุดคือราคาต่ำสุดตอนปิด และสีแดงก็อ่านในลักษณะเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม การอ่านกราฟขึ้นอยู่กับรูปแบบของกราฟที่แสดง ซึ่งมีทั้งแบบ เส้นกราฟ แท่งเทียน แบบแท่ง เป็นต้น
วิธีสร้างรายได้จากการซื้อขายคริปโต
หากจะทำรายได้จากการเทรดคริปโต มือใหม่นั้น เริ่มต้นแนะนำให้มองหาเหรียญที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างบิทคอยน์ หรืออีเธอเรียมในการลงทุน จากนั้นคุณสามารถเลือกที่จะเดย์เทรดรายวัน ถือครองไว้ หรือ DCA สะสมไปเรื่อย ๆ ตามความถนัด
เกี่ยวกับ Cryptonews
Cryptonews คือสื่อออนไลน์ระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2017 มุ่งเน้นการนำเสนอข่าวสาร บทวิเคราะห์ และคู่มือเชิงลึกในวงการคริปโตและบล็อกเชน ปัจจุบันมีผู้อ่านกว่า 2 ล้านคนต่อเดือน จากทั่วโลก และทีมผู้เขียนมากกว่า 70 คน ที่ครอบคลุมทุกมุมมอง ตั้งแต่ Bitcoin, Altcoin, DeFi, NFT ไปจนถึง Web3 ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปี เรามุ่งมั่นที่จะเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และอัปเดตเร็ว