เจาะลึก Bitcoin ETF อิทธิพล BlackRock ดันตลาดคริปโต

ตลาดคริปโตกำลังจับตามองการเคลื่อนไหวของกองทุน Spot ETF อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุน Bitcoin ETF ที่แสดงให้เห็นถึงเม็ดเงินมหาศาลจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งมี BlackRock เป็นหัวหอกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดเงินทุนไหลเข้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ว่าภาพรวมตลาดจะยังคงเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยมหภาค แต่ข้อมูลเชิงลึกเผยให้เห็นว่าอิทธิพลของ Bitcoin ETF นั้นมีนัยสำคัญต่อเสถียรภาพของราคา Bitcoin และอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในอนาคต
วิเคราะห์ Bitcoin ETF: BlackRock คือผู้เปลี่ยนเกมตัวจริง
ข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นภาพความสำเร็จอันน่าทึ่งของตลาด Bitcoin Spot ETF ในสหรัฐฯ ซึ่งมียอดเงินทุนไหลเข้าสุทธิรวมสูงถึง 57.4 พันล้านดอลลาร์ ปรากฏการณ์นี้มีผู้เล่นหลักคือ BlackRock ผ่านกองทุน iShares Bitcoin Trust (IBIT) ที่สามารถดึงดูดเงินทุนไหลเข้าได้มากถึง 62.5 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เปิดตัว ตามมาด้วย Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC) ที่ทำได้ 12.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอย่างล้นหลามจากนักลงทุนสถาบันที่มีต่อ Bitcoin
ในทางกลับกัน Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) กลับเผชิญกับเงินทุนไหลออกสุทธิถึง 25.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากไม่มีความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ IBIT จาก BlackRock เข้ามาพยุงไว้ ภาพรวมของตลาด Bitcoin ETF อาจกลายเป็นยอดไหลออกสุทธิ และสร้างเรื่องเล่าที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงสำหรับ Bitcoin และตลาดคริปโตโดยรวม สิ่งนี้ตอกย้ำว่าการมีอยู่ของ BlackRock ไม่ใช่แค่การเพิ่มทางเลือก แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนเกมและสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดอย่างแท้จริง
ปัจจัยมหภาคและทิศทางราคา Bitcoin ในอนาคต
นอกเหนือจากกระแส ETF แล้ว ปัจจัยมหภาคยังคงมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางตลาดคริปโต การที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มีท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงิน ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจาก Yen Carry Trade ขณะเดียวกัน ข้อมูลเงินเฟ้อและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลง ได้เพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม โดย CME FedWatch Tool ชี้ว่าความน่าจะเป็นเพิ่มขึ้นจาก 47% ในวันที่ 21 พ.ย. เป็น 56.3% ในวันที่ 19 ธ.ค. ซึ่งเป็นผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin
เมื่อเปรียบเทียบกับตลาด Altcoin จะเห็นว่า Bitcoin มีความแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงไตรมาสที่ 4 ราคา BTC ปรับตัวลดลงเพียง 22% ซึ่งถือว่าไม่รุนแรงนักเมื่อเทียบกับ XRP ที่ลดลง 33% หรือ SOL ที่ลดลงถึง 40% แม้ว่า ETF จะมีเงินทุนไหลออกในบางช่วงก็ตาม แนวโน้มนี้ชี้ให้เห็นว่า Bitcoin ยังคงได้รับความเชื่อมั่นในฐานะสินทรัพย์หลัก ประกอบกับความคืบหน้าของกฎหมายที่เป็นมิตรต่อคริปโตในสหรัฐฯ อย่าง Market Structure Bill ที่อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญในปี 2026
จับตา Bitcoin Hyper: Layer-2 ที่อาจเป็นโอกาสทองในปี 2025
ขณะที่ Bitcoin ETF กำลังสร้างแรงกระเพื่อมในหมู่นักลงทุนสถาบัน นวัตกรรมบนเครือข่าย Bitcoin ก็กำลังร้อนแรงไม่แพ้กัน โดยมีโปรเจกต์อย่าง Bitcoin Hyper ซึ่งเป็น Layer-2 ที่สร้างกระแสได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยการระดมทุนเกือบ 30 ล้านดอลลาร์ในเวลาไม่ถึง 5 เดือน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลกที่มองเห็นศักยภาพในการเติบโต Bitcoin Hyper ($HYPER) ถูกสร้างขึ้นบน Solana Virtual Machine (SVM) เพื่อแก้ปัญหาคอขวดของ Bitcoin โดยตรง ทำให้เครือข่ายมีความเร็วระดับหลายหมื่น TPS และมีค่าธรรมเนียมเฉลี่ยต่ำกว่า 0.001 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการยกระดับ Bitcoin จากแค่สินทรัพย์เก็บมูลค่าให้กลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับ DeFi, dApps และ NFT ได้จริง ทำให้มันอาจเป็นหนึ่งใน เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนวันนี้ สำหรับผู้ที่มองหา Utility ที่จับต้องได้ สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในช่วงต้น โปรเจกต์นี้เสนอราคา Presale ที่น่าสนใจเพียง $0.013145 ต่อเหรียญ นอกจากนี้ ผู้ที่เข้าร่วม Staking ในช่วงแรกยังจะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 49% ต่อปี (APY) ซึ่งเป็นแรงจูงใจสำคัญในการถือครองระยะยาวและช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับระบบนิเวศของ เหรียญคริปโตใหม่ ตัวนี้

หากคุณกำลังประเมินโครงการ Bitcoin Hyper ขอให้เตรียม บทวิเคราะห์/รีวิว Bitcoin Hyper หรือดูคู่มือวิธีซื้อ Bitcoin Hyper แบบละเอียด ไปประกอบการพิจารณาร่วมกัน
ติดตามแผนงานและโรดแมปที่ เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper พร้อมรับมุมมองภาคสนามจาก X และ ช่อง Telegram
ยอดระดมทุนล่าสุด
ราคาจะถูกปรับขึ้นอีกครั้งภายใน: